logo
search
flag-th
share-icon

เปิดฉาก RECESSION แล้วหรือ พอร์ตลงทุนควรทำอย่างไร?

☀️THE SUNDAY PAPER : เป็นการส่งสัญญาณกลับมาในทันทีของทั้งประธานธนาคารกลางและรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่เกิดภาวะถดถอยเมื่อพิจารณาจากตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆที่ดีอยู่ หลังตัวเลข GDP ล่าสุดหดตัวติดต่อกัน2 ไตรมาส จนเกิดภาวะถดถอยของเศรษฐกิจทางเทคนิค(Technical recession) ที่ต้องถือว่ามีนัยต่อเศรษฐกิจอย่างแน่นอน

 

⚠️"สิ่งที่กังวลว่าจะเกิด ก็เกิดขึ้นตามที่กังวลและคาดไว้" 
🔴เป็นการ “เปิดฉากของการเกิดถาวะถดถอย” แล้วใช่หรือไม่ แล้วการลงทุนต้องเตรียมปรับพอร์ตรับมืออย่างไร.? 
📌ในรายการ MACRO TALK SPECIAL ล่าสุดได้วิเคราะห์เรื่องนี้ ได้ที่
➡️ https://fb.watch/eAVi8AUDj4/
➡️ https://www.youtube.com/watch?v=pItUZWfom98

 

🔴จะเห็นว่าปัจจุบันเราผ่านการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯมาเกินครึ่งทางแล้ว ในเวลาเดียวกัน FED  พยายามที่จะทำให้เกิด Soft landing ต่อเศรษฐกิจให้ได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้  จึงน่าจับตาดูว่า ถ้าเกิด Recession กับเศรษฐกิจสหรัฐฯขึ้นจริงๆ  จะกระทบต่อประเทศอื่นๆ อย่างไรบ้าง 

 

❓ประเด็นสำคัญที่น่าตั้งคำถามคือ ทำไมในเมื่อคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC)  รู้อยู่แล้วว่าทุกครั้งที่ขึ้นดอกเบี้ยจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเกิด Recession แต่ยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ.?  

 

📉ฝ่ายวิเคราะห์ DAOL SEC มองว่าการใช้นโยบายดอกเบี้ยเวลานี้ มีลักษณะคล้ายกับในช่วงปี 1981 – 1982 หรือ นโยบายที่เรียกว่า "Stop and Go" ประธาน FED  "Pual Volcker" ในเวลานั้น เป็นการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อและเก็บกระสุน คือ การลดดอกเบี้ย หากเกิด Recession ที่กำลังจะมาถึง (ไม่ว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม)

 

📌จะเกิดอะไรขึ้นกับสินทรัพย์ต่างๆ ?
🟢คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะดำเนินไปภายใต้ภาวะ Disinflation ที่กำลังจะมานั่นคือเงินเฟ้อจะเริ่มชะลอตัวแต่ยังอยู่ในระดับสูงเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเกิดการชะลอการเติบโต และการที่ GDP สหรัฐฯหดตัวติดต่อกันจนเกิดสัญญาณ Technical recession นั้น ส่งผลบวกต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงได้ในระยะสั้น โดยเฉพาะหุ้นและตราสารหนี้ภาคเอกชน เพราะนักลงทุนจะเริ่มคาดหวังว่า คณะกรรมการ FED จะลดความดุดัน หรือ ลดความเป็น "สายเหยี่ยว" ต่อการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี

 

📌ควรเตรียมปรับพอร์ตลงทุนอย่างไร ..? 
🟢DAOL SEC มองว่า สิ่งที่เห็นตอนนี้คือตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลงพร้อมๆกับ ส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนในตลาดได้รับรู้ในเรื่องการเกิด Recession มาเกินกว่าครึ่งทางแล้วในปัจจุบัน ดังนั้นใครที่เป็นนักลงทุนระยะกลาง-ยาว เมื่อพิจารณาความเสี่ยงและโอกาสแล้ว บอกได้ว่า จุดนี้เป็นโอกาสที่ดีมาก สำหรับการเลือกซื้อสินทรัพย์ที่ถูกและมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต
🟢เราประเมินว่า ยังมีกรอบระยะเวลาสำหรับการเข้าลงทุนได้ประมาณ 18 เดือนจากนี้ ก่อนที่จะเกิดภาวะ Recession จริงๆ โดยในช่วงสั้นประมาณ 1-3 เดือนจากนี้ เราแนะนำให้ถือเงินสดประมาณ 60% กระจายลงทุนในหุ้นจีนประมาณ 20% หุ้นสหรัฐฯ ยุโรปประมาณ 5% หุ้นญี่ปุ่นประมาณ 5% เพื่อรอดูสถานการณ์ว่าตลาดจะสะท้อนภาพในช่วงสั้นนี้อย่างไร 
🟢ส่วนสินทรัพย์อื่นที่ DAOL SEC ชอบ คือ ตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐอเมริกา (US treasury) ตามด้วยหุ้นกู้ภาคเอกชนในประเทศพัฒนาแล้ว ส่วนตลาดเกิดใหม่ยังสามารถลงทุนได้ แต่ต้องเลือกประเทศที่ไม่เกิดภาวะการขาดดุลแฝด เพื่อป้องกันการไหลออกของเงินลงทุน

 

📌โดยรวมภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้เปิดฉากขึ้นแล้ว แต่ไม่ได้ชัดเจนอย่างที่หลายฝ่ายกังวล แต่แน่นอนว่านักลงทุนจำเป็นต้องคอยติดตามดัชนีชี้วัดการเกิด Recession ต่อเนื่องว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไร ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปีนี้การปรับพอร์ตลงทุนยังคงจำเป็นนะครับ

กลับสู่ด้านบน

combo-icon

SPECIAL ARTICLE อื่นๆ

ดูทั้งหมด

combo-icon
certified

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

DAOL Contact Center 0 2351 1800contactcenter@daol.co.th

DAOL Contact Center Address เลขที่ 87/2 อาคารซีอาร์ซีทาวเวอร์ ชั้นที่ 18 ออลซีซั่นส์เพลส ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

logo

and our member companies

บริษัทหลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรีท แมเนจเมนท์บริการสินเชื่อ

©2024 บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สงวนลิขสิทธิ์