logo
search
flag-th
share-icon

อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อเงินเฟ้อและดอกเบี้ยพุ่งเกินคาด !

☀THE SUNDAY PAPER : มากกว่า "ความไม่แน่นอน" อาจมี " ความเหนือการคาดหมาย" เพิ่มเข้ามาในเวลาเดียวกัน เวลานี้นโยบายการเงินสหรัฐฯกำลังใช้เพื่อควบคุมสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นรุนแรงมาก่อนอย่างเข้มข้น "อัตราเงินเฟ้อ" เดือน มิ.ย.ของสหรัฐฯที่ระดับ 9.1% เป็นตัวเลขที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องตลอดหลายเดือนในครึ่งปีแรก และเป็นเหตุผลมากพอที่จะทำให้ธนาคารกลางรวมทั้งกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มองว่าต้องใช้การขึ้นดอกเบี้ยที่แรงขึ้นอีกแบบที่แทบไม่เคยเห็นมาก่อน นั่นคืออาจจะปรับขึ้น “อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1%” ในการประชุมเดือน ก.ค. นี้

 

🔴จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับสินทรัพย์ทางการเงินและเศรษฐกิจโลกในกรณีที่เลวร้ายที่สุด หากเงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่งเกินคาดและต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงอย่างคาดไม่ถึง รวมถึงตลาดในบ้านเราจะเป็นอย่างไร ??

 

📉เงินเฟ้อที่สูงขึ้นทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เลือกที่จะจัดการเงินเฟ้อด้วยการขึ้นดอกเบี้ย ผลที่ตามมาคือ ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีสูงขึ้น (คาดการณ์ตอนนี้โอกาสเกิดขึ้นมีถึง 50% ไปแล้ว)

 

📈ธนาคารกลางประเทศต่างๆ จะถูกบีบให้ขึ้นดอกเบี้ยไวและเร็ว เพื่อป้องกันการไหลออกของเงินทุนและค่าเงินที่อ่อนลง จะเห็นหลายประเทศปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% กันแล้ว (เกาหลีใต้ ,นิวซีแลนด์) ด้านแบงก์ชาติของไทยเชื่อว่ามีโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยก่อนการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 10 ส.ค.

 

💵เงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หรือ Safe Haven Assets หมายความว่า ค่าเงินบาท มีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงไปถึงระดับ 37 บาท / ดอลลาร์

 

💰 “Cash is king “ คือ นักลงทุนจะกลับมาเทขายสินทรัพย์เสี่ยง (Risky Assets) อีกครั้งเพื่อถือเงินสด ลดความเสี่ยงและรอดูสถานการณ์ว่าจะมีผลรุนแรงต่อสินทรัพย์เสี่ยงแค่ไหน

 

🔴มูลค่าตลาดของโลกอาจจะลดลงได้อีก หากย้อนกลับไปดูสถานการณ์ที่เลวร้ายของตลาดหุ้นโลกที่รุนแรงและใกล้กับปัจจุบันที่สุด คือ วิกฤต Subprime ในปี 2007-2009 เวลานั้นนั้น Market cap ของตลาดหุ้นทั่วโลก ปรับตัวลง 57% (จาก 62.56 trillion เหลือ 27.0 trillion) ปัจจุบันตั้งแต่ต้นปีนี้ Market cap ของตลาดโลกเพิ่งลงมา 20% เรามองว่ามีโอกาสลงได้อีก ถ้าสถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี มีโอกาสลงได้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ เพราะปรับตัวขึ้นมามาก

 

📉บริษัทจดทะเบียนในตลาดที่จะมีปัญหา คือ ธุรกิจที่อิงกับกำลังซื้อของคนระดับกลาง-ล่าง และสินค้าฟุ่มเฟือย รวมถึงสินค้าที่ผู้บริโภคมองว่าไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้ รวมถึงธุรกิจที่มีต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นจากดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นตาม เช่น ราคาน้ำมัน , ราคาวัตถุดิบ , ค่าจ้างขึ้น ,เงินบาทอ่อน ขณะที่รายได้บริษัทลดลง

 

รัสเซียจะเป็นประเทศที่ดูเหมือนได้เปรียบจากสถานการณ์ในเวลานี้ ในด้านการเพิ่มอำนาจต่อรองกับประเทศตะวันตก ทั้งเรื่องราคาพลังงานและสินค้าเกษตรที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งเรามองว่าอาจจะเป็นผลในเชิงลบหากรัสเซียตอบโต้โดยใช้เงื่อนที่ได้เปรียบเหล่านี้

 

☣️การระบาดของ Covid-19 รอบใหม่ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศรวมทั้งไทยเวลานี้ จะทำให้ธุรกิจกลุ่มท่องเที่ยว (สายการบิน-โรงแรม) จะฟื้นตัวช้าลง แม้จะเป็นผลบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาลไว้

 

📌จะเป็นจุดเปลี่ยนใหม่ของเศรษฐกิจโลกแค่ไหน และการลงทุนต้องปรับพอร์ตรับมืออย่างไรเราจะมาอัพเดทในตอนต่อไปครับ

กลับสู่ด้านบน

combo-icon

SPECIAL ARTICLE อื่นๆ

ดูทั้งหมด

combo-icon
certified

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

DAOL Contact Center 0 2351 1800contactcenter@daol.co.th

DAOL Contact Center Address เลขที่ 87/2 อาคารซีอาร์ซีทาวเวอร์ ชั้นที่ 18 ออลซีซั่นส์เพลส ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

logo

and our member companies

บริษัทหลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรีท แมเนจเมนท์บริการสินเชื่อ

©2024 บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สงวนลิขสิทธิ์