เรายังคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” โดยเราคาดกำไรสุทธิรวม 2Q24E ของกลุ่มธนาคารจะอยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านบาท (+1% YoY, -5% QoQ) โดยเพิ่มขึ้น YoY เกิดจาก TTB ที่ได้ผลประโยชน์ทางภาษีราว 1.1 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ไม่มี ประกอบกับ KTB มีรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้นได้จากการ Cross-selling ในกลุ่ม และ KBANK มีสำรองฯที่ลดลงจากปีก่อนที่ตั้งเผื่อมาเยอะ ส่วนกำไรที่ลดลง QoQ เพราะกำไรจากเงินลงทุนลดลงตามตลาดหุ้นที่ลดลง รวมถึง NIM ที่ลดลงจากการ Repricing เงินฝากประจำเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคารขนาดเล็ก โดยธนาคารที่มีกำไรสุทธิ 2Q24E เติบโตได้ดีทั้ง YoY, QoQ มีเพียง TTB ขณะที่กำไรสุทธิ 2Q24E ที่ลดลงทั้ง YoY, QoQ คือ KKP, TISCO และ BBL ด้านสินเชื่อรวม 2Q24E จะลดลงเล็กน้อย -0.3% YoY และ -0.8% QoQ เพราะสินเชื่อรายใหญ่และภาครัฐยังมาไม่มาก ขณะที่สินเชื่อรายย่อยโตลดลง ส่วน NPL รวมจะทยอยเร่งตัวเพิ่มขึ้นใน 2Q24E มาอยู่ที่ 3.13% จาก 1Q24 ที่ 3.07% แต่ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารปี 2024E อยู่ที่ 2.05 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น +5% YoY  ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่ชะลอตัวลงจากปี 2023 ที่ +18% YoY เพราะ NIM ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วใน 4Q23 และจะเริ่มทยอยหดตัวลงเพราะเงินฝากประจำที่ทยอย rollover ด้านสำรองฯเราคาดว่าจะมีการปรับตัวลดลง -10% YoY จากปี 2023 ที่เพิ่มขึ้น +17% YoY เพราะมีการตั้งเผื่อมาเยอะแล้ว

ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารทรงตัวเมื่อเทียบกับ SET ในช่วง 3 และ 6 เดือนที่ผ่านมา เพราะแรงกดดันที่จะให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ขณะที่เราคาด กนง. จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 50bps ในปี 2025E ทั้งนี้เรายังคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” จากกำไรปี 2024E ที่เริ่มโตน้อยลง แต่ valuation ยังถูก เทรดที่ระดับเพียง 0.60x 2024E PBV (-1.25SD below 10-yr average PBV) โดยหุ้น top picks เราชอบ KBANK และ TTB โดย KBANK (ซื้อ/เป้า 155.00 บาท) จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และ valuation ที่ 0.55x PBV (-1.50SD) ถูกกว่ากลุ่มที่ 0.60x PBV และถูกกว่า SCB ที่ 0.73x PBV และ TTB (ซื้อ/เป้า 2.10 บาท) เพราะกำไรสุทธิปี 2024E อยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นได้ดีสุดในกลุ่ม +13% YoY ด้านราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PBV ที่ 0.72x (-1.00SD) และยังมี Dividend yield ที่ 7%