เรายังคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” สำหรับกลุ่มพลังงาน โดยตอนนี้เรามองว่าบริษัทพลังงานต้นน้ำมี valuation ที่น่าสนใจกว่ากลุ่มโรงกลั่นจากความเสี่ยงขาลง (downside risk) ของราคาน้ำมันดิบที่น่าจะเริ่มจำกัดแล้วในขณะที่กลุ่มโรงกลั่นยังเผชิญกับส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและราคาน้ำมันดิบ (crack spread) ที่อาจจะทรงตัวต่ำนานกว่าที่คาดใน 2H24E ซึ่งอาจจะถูกชดเชยบางส่วนด้วยแนวโน้มพรีเมียมน้ำมันดิบ (crude premium) ที่ลดลงได้ ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมใน 4Q24E เราคาดว่าภาพรวมตลาดน้ำมันโลกจะยังคงตึงตัวแม้ภาพรวมอุปสงค์ของจีนจะฟื้นตัวช้าแต่ก็ถูกชดเชยด้วยการเลื่อนการถอนการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจของ OPEC+ ออกไป อีกทั้ง เราเชื่อว่าระดับราคาน้ำมันดิบที่ใกล้เคียง USD70.0/bbl นั้นมี downside ที่ค่อนข้างจำกัดแล้ว และเรามองเห็นถึง upside จาก 1) OPEC+ จะยังคงชะลอการตัดสินใจที่จะเพิ่มอุปทานน้ำมันเข้ามาในอนาคต, 2) การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และ 3) อุปสงค์การใช้น้ำมันที่สูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว (winter demand) ของประเทศตะวันตก
ดัชนีกลุ่มพลังงานปรับตัวลง –6.9% เมื่อเทียบกับ SET ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวแรง ทั้งนี้ เราเลือก PTTEP (ซื้อ/เป้า 180.00 บาท) เป็น Top pick ของกลุ่มพลังงานโดยเราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวและแนวโน้มกำไร 3Q24E ที่น่าจะลดลง QoQ จากปริมาณขายเฉลี่ยที่ลดลงจากแผนปิดซ่อมบำรุงโครงการในอ่าวไทยบางโครงการไปมากแล้ว นอกจากนี้ เรามองว่าราคาน้ำมันดิบที่ระดับปัจจุบันมี downside ที่จำกัดแล้ว และบริษัทน่าจะเห็นปริมาณขายเฉลี่ยที่ฟื้นตัวได้ QoQ ใน 4Q24E