ลงทุนในหุ้นที่อยู่ใน SET Index ปัจจุบันมี 6 กลยุทธ์ คือ Stock on Fire, Bright Infinite, Growth Factor, Quality Factor, Dividend Factor และ Valuation Factor
1. Stock on Fire กลยุทธ์การลงทุนแบบ Trend Following
ใช้เครื่องมือทางเทคนิคจับสัญญาณ เข้าซื้อหุ้นที่สามารถดีดผ่านแนวต้านสำคัญซึ่งบ่งบอกถึงการมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น (Uptrend) และขายเมื่อราคาหุ้นหลุดแนวรับสำคัญซึ่งบ่งบอกแนวโน้มขาลง (Downtrend)
100,000 บาท
ค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Commission Fee): 0.25%
ค่าธรรมเนียมการใช้กลยุทธ์ (Investment Strategy Fee): 20% ของผลกำไร
2. Bright Infinite กลยุทธ์การลงทุนแบบ Trend Following
ทำการตรวจสอบสภาวะตลาดว่ามีแนวโน้มขาขึ้น และประยุกต์ใช้ตัวชี้วัดเชิงเทคนิคที่หลากหลายผสมผสานกัน หาจังหวะเข้าซื้อหุ้นโดยใช้กรอบเวลาแบบ Intraday timeframe และขายเมื่อ momentum ของหุ้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
100,000 บาท
ค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Commission Fee): 0.25%
ค่าธรรมเนียมการใช้กลยุทธ์ (Investment Strategy Fee): 20% ของผลกำไร
3. Growth Factor กลยุทธ์การลงทุนแบบ Fundamental-Based
เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตแบบมีประสิทธิภาพ ในด้านของยอดขาย กำไรและกระแสเงินสด ซึ่งราคาของหุ้นที่มีการเติบโตที่ดีและมีประสิทธิภาพ มักจะให้ผลตอบแทนที่ดีตามผลประกอบการของบริษัท
100,000 บาท
ค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Commission Fee): 0.25%
ค่าธรรมเนียมการใช้กลยุทธ์ (Investment Strategy Fee): ไม่มี
4. Quality Factor กลยุทธ์การลงทุนแบบ Fundamental-Based
เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตที่ดี มีศักยภาพในการทำกำไร บริหารต้นทุนและจัดการกระแสเงินสดที่ดี
100,000 บาท
ค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Commission Fee): 0.25%
ค่าธรรมเนียมการใช้กลยุทธ์ (Investment Strategy Fee): ไม่มี
5. Dividend Factor กลยุทธ์การลงทุนแบบ Fundamental-Based
เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงและต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพในการจัดการหนี้สินของบริษัท จึงมักทำให้บริษัทสามารถจ่ายปันผลหรือนำกำไรไปพัฒนาบริษัทต่อได้ ส่งผลให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากปันผลที่บริษัทจ่ายออกมา
100,000 บาท
ค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Commission Fee): 0.25%
ค่าธรรมเนียมการใช้กลยุทธ์ (Investment Strategy Fee): ไม่มี
6. Valuation Factor กลยุทธ์การลงทุนแบบ Fundamental-Based
เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพในการบริหารสินทรัพย์ของบริษัทให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด ในขณะที่มูลค่าหุ้นที่แท้จริงยังไม่สะท้อนราคาในตลาดลงทุน จึงสามารถได้หุ้นที่มีราคาถูก จึงมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีตามศักยภาพของบริษัทที่ลงทุนด้วย
100,000 บาท
ค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Commission Fee): 0.25%
ค่าธรรมเนียมการใช้กลยุทธ์ (Investment Strategy Fee): ไม่มี
ลงทุนในหุ้นรายตัว โดยสามารถเลือกได้ 1 หุ้นใน SET Index ปัจจุบันมี 2 กลยุทธ์ คือ Booster และ Grid Trading
7. Booster กลยุทธ์การลงทุนแบบ Short Against Port
สร้างผลตอบแทนจากการ Short Against Port (SAP) โดยที่โมเดลจะหาจังหวะขายเมื่อหุ้นมีแนวโน้มที่จะลง และจะซื้อหุ้นคืนที่ราคาถูกกว่าราคาที่ขายเพื่อทำกำไรส่วนต่าง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่ในพอร์ตและไม่ต้องการเสียโอกาสทำกำไรเมื่อราคาหุ้นลง
หุ้นใน SET100
100,000 บาท
ค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Commission Fee): 0.25%
ค่าธรรมเนียมการใช้กลยุทธ์ (Investment Strategy Fee): 20% ของผลกำไร
8. Grid Trading กลยุทธ์การลงทุนแบบ Mean Reversion
ซื้อถูกขายแพงในกรอบราคาที่กำหนด เน้นทำกำไรจากการเหวี่ยงของราคา โดยจะทยอยซื้อเมื่อหุ้นลง และทยอยขายทำกำไรเมื่อหุ้นขึ้น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสะสมหุ้นเมื่อหุ้นมีราคาถูกลงและสร้างกระแสเงินสดเมื่อหุ้นขึ้น
หุ้นใน SET Index
100,000 บาท
ค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Commission Fee): 0.15%
ค่าธรรมเนียมการใช้กลยุทธ์ (Investment Strategy Fee): ไม่มี
คำเตือน:
1. การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
2. ในบางสภาวะตลาด กลยุทธ์อาจเลือกถือเงินสด 100%
DAOL Contact Center Address เลขที่ 87/2 อาคารซีอาร์ซีทาวเวอร์ ชั้นที่ 18 ออลซีซั่นส์เพลส ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
©2024 บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สงวนลิขสิทธิ์