(1) SCBKEQTG
ลงทุนในหุ้นเกาหลีใต้ (South Korea) ผ่านกองหลัก iShares MSCI South Korea ETF: ทิศทางอุปสงค์ของตลาด Semiconductor โลกนั้นอยู่ในขาฟื้นตัวอันเนื่องมากจากความต้องการทางด้าน AI (World Semiconductor Trade Statistics คาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์ semiconductor โลกที่ 15% YOY ในปี 2567) และการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2023 ที่ออกมาดีกว่าคาดของบริษัท SK Hynix ซึ่งในระยะสั้นถึงกลางคาดว่าตลาดหุ้นเกาหลีจะได้รับประโยชน์จาก market sentiment และเทรนด์การฟื้นตัวนี้ด้วยเนื่องจากเกาหลีเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของ Memory Chip อีกทั้งปัจจุบันดัชนี KOSPเ ซื้อขายในกรอบ -1SD (5Y forward PE) จึงเป็นจุดน่าเข้าสะสมอีกครั้ง โดยผ่านการลงทุนในกองทุน passive fund ที่เกาะกับดัชนีตลาดหุ้นเกาหลีใต้

 

(2) PRINCIPAL VNEQ-A
ลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม (Vietnam): การประชุมพิเศษได้มีข้อสรุปในตัวกฎหมาย Land Law และ Credit Law อื่นๆ แล้ว ซึ่งเป็นไปตามคาด และจะสามารถช่วยลดความกังวลในปัญหาของหุ้นกู้อสังหาริมทรัพย์เวียดนามได้ ทาง DAOL จึงแนะนำลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นเวียดนาม โดยใช้การวิเคราะห์หุ้นแบบ Bottom-up ร่วมกับการใช้ Top-down ในการดูภาพรวมเศรษฐกิจในการจัดพอร์ตกองทุนรวม

 

(3) KT-GCINCOME-A
ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก ผ่านกองหลัก Schroder ISF Global Credit Income Fund: การประมาณการเงินเฟ้อของ FOMC รอบเดือนธันวาคมสะท้อนว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Rate) ในปี 2024 นั้นอยู่ในระดับที่ FOMC ยอมรับได้ สะท้อนเป็นนัยว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อจากนี้มีโอกาสน้อย ส่งผลให้การลงทุนในตราสารหนี้ตลอดช่วงครึ่งแรกของปี 2567 จะมีความน่าสนใจเนื่องจากอัตรผลตอบแทนพันรบัตรสหรัฐฯ ปัจจุบันสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะ 1 - 2 ปี ข้างหน้า อย่างไรก็ดี เรามองว่าในระยะสั้นผลตอบแทนพันรบัตรจะยังคงมีความผันผวน จึงแนะนำให้เน้นลงทุนในตราสารหนี้ประเภทเครดิตต่างๆ ทั่วโลก ด้วยวิธีการคัดเลือกตราสารรายตัวที่ละเอียดและมีเครื่องมือการลงทุนที่รักษาสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงโดยไม่ยึดติดกับดัชนีชี้วัดใดชี้วัดหนึ่ง