News Flash
เกิดเหตุน้ำมันรั่วไหลที่โรงกลั่นชลบุรี TOP รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่า ได้เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือบรรทุกน้ำมัน ขณะขนถ่ายน้ำมันดิบบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล หมายเลข 2 (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยบริษัทได้เข้าควบคุมสถานการณ์บริเวณที่เกิดเหตุทันที และได้ทำการปิดวาล์วท่อน้ำมันที่เกิดปัญหาและวางทุ่นล้อมคราบน้ำมัน เพิ่มเติมเพื่อป้องกันและจำกัดการแพร่กระจายตามข้้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากลทำให้ขณะนี้ไม่มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มเติมแล้วและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว
บริษัทคาดว่าผลกระทบจะจำกัด เราได้เข้าร่วม conference call เกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่จัดโดย TOP โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. บริษัทอัพเดตสถานการณ์ว่าน้ำมันที่รั่วมีปริมาณประมาณ 50,000-100,000 ลิตร (ระยะทางประมาณ 5 กม.) โดยบริษัทแจ้งว่าสามารถวางทุ่นครอบคลุมพื้นที่คราบน้ำมันได้ส่วนใหญ่แต่มีน้ำมันเล็ดลอดออกมาประมาณ 1.6 ตร.กม. ซึ่งต้องรอประเมินสถานการณ์ต่อไป ทั้งนี้ มีการประเมินว่าคราบน้ำมันจะขึ้นฝั่งเกาะท้ายค้างคาว อ่าวอุดม ในวันที่ 8-10 ก.ย.2023
2. บริษัทมีแผนรองรับในการขนถ่ายน้ำมันกรณี SBM-2 ไม่สามารถดำเนินงานได้หลายทางเลือก ซึ่งรวมถึง การใช้ 2.1) ทุ่น SBM-1 (ซึ่งมี capacity ที่ระดับใกล้เคียง SBM-2 แต่รองรับเรือที่มีขนาดเล็กกว่า) 2.2) ทุ่น CBM (ซึ่งรองรับเรือขนาดเล็กเช่นกัน) 2.3) ท่ารับน้ำมันของ PTT ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่แตกต่างกันไป
3. บริษัทให้ข้อมูลวงเงินประกันคุ้มครองดังนี้ 3.1) ประกันรับภัยต่อบุคคลที่ 3 วงเงิน USD50mn (USD10,000 deductible) 3.2) ประกันความรับผิดต่อสิ่งแวดล้อม วงเงิน USD25mn (USD1mn deductible) 3.3) ความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์สิน วงเงิน USD255mn และสต๊อกน้ำมัน วงเงิน USD761mn (USD5mn deductible) 3.4) ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (BI) วงเงิน USD1,120mn (60 days deductible) ทั้งนี้ บริษัทจะบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตั้งแต่ 3Q23 เป็นต้นไป
4. บริษัทคาดว่าจะไม่กระทบอัตราการกลั่น (refinery run rate) ใน 3Q23E อย่างมีนัยสำคัญ สำหรับ 4Q23E บริษัทต้องรอประเมินว่า SBM-2 สามารถกลับมาดำเนินงานได้หรือไม่ ทั้งนี้ TOP มีปริมาณน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันคงคลังรองรับการใช้ได้ประมาณ 30 วัน
Implication
คาดผลกระทบที่จำกัดต่อการดำเนินงานของบริษัท จากข้อมูลที่ได้จากบริษัท แม้เราเชื่อว่าข่าวนี้จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทในระยะสั้นในเชิงของค่าใช้จ่ายพิเศษ แต่เราคาดว่าผลกระทบจะจำกัดต่อ refinery run rate ใน 3Q23E เนื่องจากว่าบริษัทมีปริมาณน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์คงคลังสำรองอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี หาก SBM-2 ไม่สามารถดำเนินงานได้เป็นระยะเวลานาน ก็อาจจะทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่ม เช่น ship-to-ship โดยในเบื้องต้น เราประเมินว่าทุกๆ USD1/bbl ที่ค่าการกลั่นตลาด (market GRM) ใน 4Q23E ลดลง จะกระทบกำไรปี 2023E ประมาณ 5.8% ทั้งนี้ เราคาดว่าบริษัทน่าจะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษใน 3Q23E-4Q23E (ทั้งนี้ SPRC มีการบันทึกค่าใช้จ่ายในกรณีคล้ายกันเมื่อปี 2022 ที่ 1.4 พันล้านบาท สำหรับปริมาณน้ำมันที่รั่วประมาณ 47,000 ลิตรในจังหวัดระยอง) ซึ่งบริษัทน่าจะได้ค่าชดเชยบางส่วนจากประกันที่มีอยู่ได้
ภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นยังคงแข็งแกร่งใน 2H23E เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นสำหรับระยะเวลาที่เหลือของปีนี้จากสถานะตลาดผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ยังคงตึงตัวอยู่หนุนด้วยฤดูกาลขับรถของ US และการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นในภูมิภาค
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 64.00 บาท อิง 2024E PBV ที่ 0.84x (ประมาณ -1.0SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) เราแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในระยะสั้นจนกว่าจะมีความชัดเจนในด้านค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นและแผนการดำเนินงานรองรับ แต่ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มธุรกิจในระยะกลาง ทั้งนี้เพื่อการเปรียบเทียบ ราคาหุ้น SPRC ได้ปรับตัวลดลง 15.2%/5.0% ใน
กลับสู่ด้านบน
DAOL Contact Center Address เลขที่ 87/2 อาคารซีอาร์ซีทาวเวอร์ ชั้นที่ 18 ออลซีซั่นส์เพลส ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
©2025 บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สงวนลิขสิทธิ์