News Flash
ยอดผลิตรถยนต์ เม.ย.24 ลดลง YoY ต่อเนื่อง จากทั้งยอดขายในประเทศและส่งออกที่ลดลง ส.อ.ท.รายงานยอดผลิตรถยนต์เดือน เม.ย.24 อยู่ที่ 1.05 แสนคัน -11% YoY, -24% MoM ยังคงปรับตัวลดลง YoY ตามยอดการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศที่ลดลง ทั้งรถกระบะและรถยนต์นั่ง รวมถึงมีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ามาจำหน่าย อีกทั้งยอดส่งออกรถยนต์ปรับตัวลดลงมากขึ้นจากฐานสูงปีก่อน ขณะที่ลดลง MoM มาก ยังเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาลที่ในเดือน เม.ย. มีวันหยุดยาว ทั้งนี้ 4M24 มียอดผลิตรถยนต์รวม 5.2 แสนคัน -17% YoY
- ยอดขายในประเทศ -21% YoY, -17% MoM ยังมีทิศทางชะลอตัว จากความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินจากหนี้ครัวเรือนที่สูงมากและเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ทั้งนี้ รวม 4M24 ยอดขายรถยนต์ในประเทศ -24% YoY
- ยอดส่งออก -12% YoY, -26% MoM ปรับตัวลดลง YoY จากฐานสูงในปีก่อน และมีวันทำงานน้อยในเดือน เม.ย. ทั้งนี้ รวม 4M24 ยอดส่งออก -4% YoY
ยอดจดทะเบียนใหม่รถยนต์นั่ง BEV (ไม่เกิน 7 คน) เดือน เม.ย.24 กลับมาโต YoY ได้เล็กน้อย อยู่ที่ 4.0 พันคัน +5% YoY, -15% MoM โดยแบรนด์ BYD ยังครองสัดส่วนมากสุดที่ 22% อันดับ 2 เป็น Deepal 20% ตามมาด้วย MG 16%, NETA 10%, ORA 7% (Fig.5, 6) รวม 4M24 มียอดจดทะเบียนใหม่จำนวน 2.6 หมื่นคัน +39% YoY
(ที่มา: อินโฟเควสท์, https://web.dlt.go.th/statistics/index.php)
Implication
มองเป็นลบต่อบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ จากยอดผลิตรถยนต์ที่ปรับตัวลดลง YoY ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ทั้งนี้ เรายังคงประเมินยอดผลิตรถยนต์ปี 2024E ลดลงเป็น 1.6 ล้านคัน -13% YoY (ปี 2023 ผลิตได้ 1.84 ล้านคัน) และต่ำกว่าประมาณการของ ส.อ.ท.ที่ 1.9 ล้านคัน โดยยอดผลิตรถยนต์ 4M24 คิดเป็น 32% จากทั้งปี และยังมีแนวโน้มลดลง YoY อย่างต่อเนื่อง สำหรับในช่วง 2H24E อาจเริ่มได้ผลบวกบ้างจากการเริ่มผลิตรถ BEV เพื่อนำมาจำหน่ายมาทดแทนการนำเข้ามากขึ้น โดยประเมินว่าค่ายรถยนต์ BYD และ GAC AION จะเริ่มผลิตและจำหน่ายได้ ทั้งนี้
เราไม่มีหุ้น top pick โดย SAT (ขาย/เป้า 15.50 บาท) เราประเมินกำไรปี 2024E จะลดลง -19% YoY ตามทิศทางยอดผลิตรถยนต์ที่ปรับตัวลดลง และ outlook ยังดูไม่สดใส โดยแนวโน้มในอนาคตที่จะมีการผลิตรถกระบะ EV เพิ่มขึ้น อาจทำให้ SAT เสียประโยชน์ เนื่องจากส่วนใหญ่ผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถกระบะ ICE เป็นหลัก
มองเป็นลบต่อหุ้นส่งออก-นำเข้ารถยนต์ จากยอดส่งออกรถยนต์ที่มีทิศทางชะลอตัวมากขึ้น ขณะที่ยอดจดทะเบียน BEV ใหม่ ยังฟื้นตัวช้าจากการสิ้นสุดมาตรการสนับสนุน EV3.0 ที่ต้องจดทะเบียนภายใน 31 ม.ค.24 สำหรับหุ้นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
NYT (ถือ/เป้า 4.90 บาท) กำไรปี 2024E-25E จะเติบโตลดลงจากฐานสูง และมีปัจจัย overhang จากท่าเทียบเรือ A5 ที่เป็นธุรกิจหลัก จะใกล้สิ้นสุดสัมปทานในอีก 2 ปีข้างหน้า
มองเป็นลบต่อหุ้นปล่อยสินเชื่อรถยนต์และจำนำทะเบียนรถ จากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลง สะท้อนถึงความต้องการรถยนต์ที่ชะลอตัว ซึ่งกดดันต่อยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ของผู้ประกอบการเช่าซื้อที่น้อยลง นอกจากนี้เราประเมินว่าผู้ประกอบการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อยังกดดันจากราคารถมือสองที่ยังต่ำ จากความต้องการที่ยังไม่ดีขึ้นอย่างเด่นชัดในช่วงเศรษฐกิจชะลอ ทำให้มีโอกาสรับรู้ขาดทุนรถยึดที่ยังสูง คาดสูงสุดประมาณ -20% (อิง used car index ปี 2023 ที่ลดลงสูงสุด -20% YoY)
กลุ่มธนาคาร เราประเมินผลกระทบจากมากไปน้อย ได้แก่ KKP (ถือ/เป้า 52.00 บาท) เนื่องจากมีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อที่ 48%, TISCO (ถือ/เป้า 100.00 บาท) มีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อที่ 46% และ TTB (ซื้อ/เป้า 2.10 บาท) มีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อที่ 31%
กลุ่ม Finance จะกระทบสินเชื่อที่อ่อนตัวลง โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกที่พึ่งพิงเศรษฐกิจ ได้แก่ THANI (ถือ/เป้า 2.50 บาท), ASK, MICRO ขณะที่กลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียน TIDLOR (ถือ/เป้า 23.00 บาท), SAWAD (ถือ/เป้า 39.00 บาท) และ MTC (ซื้อ/เป้า 52.00 บาท) จะได้ผลกระทบทางอ้อมจากปริมาณรถในอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง และกดดันต่อโอกาสในการขยายสินเชื่อจำนำทะเบียน
กลับสู่ด้านบน
DAOL Contact Center Address เลขที่ 87/2 อาคารซีอาร์ซีทาวเวอร์ ชั้นที่ 18 ออลซีซั่นส์เพลส ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
©2025 บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สงวนลิขสิทธิ์