News Flash
- US คว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครนเริ่มขึ้น รัฐบาลสหรัฐอเมริกา (US) ประกาศคว่ำบาตร (sanction) รัสเซียเพิ่มเติมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยการ sanction ครั้งนี้เป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งครอบคลุมถึง ผู้ผลิตน้ำมัน เรือบรรทุกน้ำมัน บริษัทคนกลาง ผู้ค้าน้ำมันและท่าเรือของรัสเซีย โดยมีเป้าหมายที่จะที่จะโจมตีทุกขั้นตอนของห่วงโซ่การผลิตและการกระจายน้ำมันของรัสเซีย โดย US จะ sanction ไม่เพียงแต่ Gazprom Neft และ Surgutneftegaz สองบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ แต่ยังรวมถึง Ingosstrakh และ Alfastrakhovanie บริษัทผู้ให้บริการประกันภัยเรือซึ่งครอบคลุมเรือส่วนใหญ่ที่ส่งน้ำมันรัสเซียไปยังอินเดีย นอกจากนี้ US ยังจะ sanction เรือบรรทุกน้ำมันเพิ่มอีก 183 ลำ (ซึ่งหลายลำอยู่ในกองเรือเงา (shadow fleet) ของเรือบรรทุกน้ำมันเก่าที่ดำเนินการโดยบริษัทที่ไม่ใช่ของตะวันตก)
- การยกเลิก sanction ใหม่จะยุ่งยาก มีรายงานว่าการยกเลิก sanction รอบใหม่นี้จะขึ้นอยู่กับว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ (ซึ่งกำลังจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.2025) ว่าจะยกเลิกการ sanction ที่บังคับใช้ในยุคไบเดนเมื่อใดและด้วยเงื่อนไขใด แต่การจะทำเช่นนั้นได้ทรัมป์จะต้องแจ้งให้สภาคองเกรสทราบ และกำหนดให้รัฐสภาสามารถลงมติไม่เห็นด้วยได้ ทั้งนี้ สมาชิกสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกันหลายคนเรียกร้องให้ไบเดนบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรในวันศุกร์ที่ผ่านมา (ที่มา: Reuters, Bloomberg)
Implication
- เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ โดยเรามองว่าการ sanction รัสเซียรอบนี้นับเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดซึ่งอาจจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย โดยมีการประเมินว่า Gazprom Neft และ Surgutneftegaz มีการส่งออกน้ำมันรวมกันประมาณ 8-1.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน (mbd) ในปี 2024 และอาจจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาพรวมตลาดน้ำมันโลกที่ก่อนหน้านี้มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะอุปทานล้นตลาด (oversupply) ในปี 2025E จากภาพรวมอุปสงค์การใช้น้ำมันที่ฟื้นตัวช้ากว่าอุปทานใหม่ที่เข้ามา (โดยเฉพาะจากกลุ่ม non-OPEC+) ทั้งนี้ วันศุกร์ที่ผ่านมาราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ปรับตัวสูงขึ้น 3.7% เป็น USD79.8/bbl สูงที่สุดในรอบ 3 เดือน
เรายังคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” สำหรับกลุ่มพลังงาน และคาดส่งผลบวกต่อหุ้นน้ำมันต้นน้ำและหุ้นโรงกลั่น โดยเราชอบหุ้น SPRC (ซื้อ/เป้า 8.50 บาท), PTTEP (ซื้อ/เป้า 160.00 บาท) และ BCP (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท) ทั้งนี้ เราเชื่อว่า PTTEP จะรายงานกำไรที่ฟื้นตัว QoQ ใน 4Q24E ตามแนวโน้มปริมาณขายเฉลี่ยที่แตะระดับสถิติใหม่ ในขณะที่ เราคาดว่าผลประกอบการของกลุ่มโรงกลั่นน่าจะผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้วใน 3Q24 และจะกลับมารายงานกำไรสุทธิได้ใน 4Q24E หนุนโดย 1) การฟื้นตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปและราคาน้ำมันดิบ (crack spread) และ 2) ผลขาดทุนสต๊อกน้ำมัน (stock loss) ที่เป็นไปได้ที่ลดลงตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่มีความผันผวนน้อยลง QoQ ใน 4Q24E