• คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวลง ตลาดขาดข่าวบวกใหม่ๆ นักลงทุนยังมีความกังวล (จีน-สหรัฐฯ)  ฝรั่งขายหุ้นไทย

• ตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าตลาดคาดที่ 1.3% (คาด 1.0%)  และ Fed ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ย เดือน ธ.ค. ที่ 0.50% (ตลาดรับรู้ไปบ้างแล้ว) กระทบตลาดช่วงสั้นๆ

• Bond Yield 10 ปีของ สหรัฐฯ ยังลงต่อ (ล่าสุด 3.706%)  บ่งชี้ได้ว่านักลงทุนมองว่าดอกเบี้ยในระยะยาวจะปรับตัวลดลง หรือมีความกังวลเรื่อง Recession มากขึ้น  แม้ดอกเบี้ย Fed ขึ้นได้ไม่มาก (peak ไม่น่าเกิน 5.25%) แต่จะกระทบตลาดในเรื่องของความกลัว Recession

• OPEC ส่งออกน้ำมันลดลงในเดือน พ.ย. นอกจากจะมาจากแผนลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน มีเรื่องของ Demand ที่ลดลงเข้ามาด้วย กระทบต่อหุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี

• ประเด็นของ Poland วานนี้(16) ล่าสุดรับรู้ว่าขีปนาวุธที่ตกลงมาเป็นของยูเครน ซึ่งเกิดจากความผิดพลาด จึงไม่ได้มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น

• การประชุม G-20 ไม่มีผู้นำรัสเซียเข้าร่วมประชุม ไม่ได้มีนัยยะต่อตลาดมาก ส่วนประชุม APEC วันที่ผ่านมามีการหารือกันในภาคเอกชน และวันนี้ จะเป็น CEO Summit  ส่วนการประชุมระดับผู้นำประเทศ จะเป็นวันพรุ่งนี้ (18)

• ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ยอดขายบ้านใหม่ และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ

• ตลาดกำลังอยู่ในช่วงที่ขาดข่าวบวกใหม่ๆ และมีความไม่แน่ใจในทิศทางเศรษฐกิจจีน-สหรัฐฯ ทำให้ Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นเอเซีย ควรชะลอการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่นักลงทุนต่างประเทศถือ (น้ำมัน-ธนาคาร)  หรือหุ้นที่ราคาขึ้นมามากไปก่อน

• ความกังวลเรื่องขีปนาวุธที่โปแลนด์ จบลงไปแล้ว บวกกับความกังวลด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น จึงควรเลี่ยงหุ้นน้ำมัน-ถ่านหิน ออกไปก่อนในช่วงนี้

• หุ้นที่ราคาลงมาลึกของแต่ละกลุ่ม มีโอกาสดีดกลับ HANA, SYNEX, RS, TIPH

• พอร์ตหุ้นวันนี้เรานำหุ้น JMART, KCE, OSP, COM7 ออกจากพอร์ต และนำหุ้น SAPPE, HANA, HUMAN, SYNEX เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบด้วย SAPPE(10%), HANA(10%), HUMAN(10%), SYNEX(10%), CENTEL(10%), ORI(10%), THCOM*(10%)

SET ปิดที่ 1,619.98 จุด ลดลง 9.40 จุด (-0.58%) มูลค่าการซื้อขาย 61,521.55 ล้านบาท ปัจจัยต่างประเทศ ขีปนาวุธที่ตกในโปแลนด์เข้ามาเป็นความกังวลของตลาด ตัวแปรในประเทศ มีแรงขายทำกำไรหลังจากรายงานงบสิ้นสุดลง

( + ) OR (ซื้อ/เป้า 32.00 บาท) เตรียมนำ "โอ้กะจู๋" จดทะเบียนใน SET ปี 2024

( + ) BCH (ถือ/เป้า 20.00 บาท) รายได้ผู้ป่วยทั่วไป 2023E เติบโตดี แต่ลดลงมากจากฐานสูงปีก่อน

( - ) TIDLOR (ซื้อ/เป้า 32.00 บาท) เพิ่ม credit cost ตามสินเชื่อ และระดับ LLR/loan ที่สูง

( - ) MAKRO (ถือ/38.00 บาท) 4Q22E-2023E รายได้เติบโตดี แต่ค่าใช้จ่ายยังคงสูงต่อถึง 1H23E

( 0 ) CPALL (ซื้อ/เป้า 68.00 บาท) 4Q22E ยังคงเห็นการเติบโตแม้จากฐานสูง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

( 0 ) SAWAD (ซื้อ/เป้า 53.00 บาท) 2023E ดีตามคาด, สินเชื่อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และ NPL ที่จัดการได้

( 0 ) SSP (ซื้อ/เป้า 16.00 บาท) ธุรกิจเดินหน้าตามแผน พร้อมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าในไทย

( 0 ) AAV (ซื้อ/เป้า 3.70 บาท) 4Q22E ขาดทุนลดลง, 2023E พลิกเป็นกำไร ตามท่องเที่ยวดีขึ้น

( 0 ) BANPU (ซื้อ/เป้า 17.50 บาท) คาดกำไร 4Q22E ยังแกร่ง YoY แต่ อาจชะลอตัวตาม ASP ที่ลดลง

( 0 ) PTTGC (ถือ/เป้า 44.00 บาท) 4Q22E ฟื้นตัวจาก non-operational items; ยังคงท้าทายในปี 2023E