• คาดดัชนีฯ ผันผวนต่อ คาดปิดบวกได้ จับตาผลประชุม กนง. และขึ้นกับสถานการณ์ตะวันออกกลางด้วย

• ตลาดหุ้นไทย ดัชนีฯ พลิกตัวกลับมาที่เดิม(ก่อนลง) หลัง อิหร่าน-อิสราเอลหยุดยิงชั่วคราว ขณะที่ปัจจัยการเมือง ยังเป็นไปตามที่เราคาดคือนายกฯ ถูกตรวจสอบคำพูดในคลิปเสียง แต่คาดว่า ตลาดน่าจะยังมีแรงซื้อ หลังถูกขายจากข่าวอิหร่าน-อิสราเอลมาหลายวัน เป้าการ rebound ต่อไป 1113 จุด (ก่อนมีข่าวคลิปเสียงหลุด)

• สถานการณ์ตะวันออกกลาง  อิหร่านยอมรับในเรื่องการเจรจาหยุดยิง ทำให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆ ทยอยกลับเข้าสู่ระดับก่อนที่อิสราเอลจะมีการโจมตีอิหร่าน (เช้า 20 มิ.ย.) จากนี้ไป ดูว่าจะนำไปสู่การยุติสงคราม ได้หรือไม่ .....  เราประเมิน ผลของตลาดหุ้นที่กลับมาดี จะเมินผลของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง สินทรัพย์อื่น ที่มองเป็นบวก คือ Crypto Currency

• การเมืองไทย รอดูการประกาศชื่อครม. ชุดใหม่ คาดเป็นไปตามโผ และเป็นแค่การแต่งตั้งเพื่อทดแทนส่วนของ “ภูมิไทย” ที่ลาออกไป จึงไม่น่ามี Surprise  ส่วนการฟ้องร้องว่านายกฯทำผิดตามที่ปรากฎในคลิปเสียง และศาลฯตีความว่า นายกฯ อาจต้องลาออก(ในอนาคต) กระบวนการผ่านร่างงบประมาณปี 2568-69  เราประเมินว่า อาจล่าช้าไปจากกำหนดเดิมปลายเดือน ส.ค. ไปเป็นไม่น่าเกิน กลางเดือน ต.ค.  ซึ่งไม่น่ามีผลต่อการใช้งบประมาณ

• การปิดพรหมแดนกัมพูชา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากมีการส่งสินค้าไปยังกัมพูชา สูงถึง 3.2 แสนลบ.  ทั้งนี้ สินค้า 5 ลำดับแรก ที่ไทยส่งออกไปกัมพูชา คือ อัญมณี  น้ำมัน น้ำตาลทราย เครื่องดื่ม และเคมีภัณฑ์ .... หุ้นที่เกี่ยวข้อง ยังคงรับผลกระทบนี้อย่างต่อเนื่อง

• ครม.ไฟเขียวงบกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 1.15 แสนลบ. คาดดัน GDP โตเพิ่ม 0.4%  …… เราประเมินว่า ด้วยเงินลงทุน ส่วนใหญ่ เป็นบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวมและการท่องเที่ยว ทั้งนี้ เราเล็งหุ้นที่ได้ประโยชน์ 1 ตัวของแต่ละโครงการ โครงสร้างพื้นฐาน 85,000 ล้านบาท (CK)  ท่องเที่ยว 10,053 ล้านบาท (CENTEL) และ ลดผลกระทบภาคการส่งออก เพิ่มผลิตภาพและดิจิทัล 11,122 ล้านบาท (WHA)

• ประชุม กนง. ในวันนี้ Bloomberg Economics คาดว่า กนง.จะลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.50% เหตุผลหลักๆ คือ  ความเสี่ยงเศรษฐกิจเริ่มปรากฏชัด โดยเฉพาะการชะลอตัวของ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ....  หุ้นที่มักจะเป็นบวกจากการลดดอกเบี้ย คือ หุ้นที่อยู่อาศัย แต่ด้วยกำลังซื้อที่ลดลง จึงอาจไม่กระตุ้นได้มากเท่าที่ควร ส่วนผลกระทบต่อกำไรของกลุ่มธนาคารบ้าง แต่จะได้ผลบวกกลับมาจากบรรยากาศการลงทุน ที่ดีขึ้น และหุ้นธนาคารเอง กำลังเข้าสู่ช่วงของการเก็งในเรื่องการจ่ายเงินปันผลงวดแรกของปี

• Event วันนี้ :  การประชุม กนง.

 

• ดัชนีฯ ปรับตัวขึ้นมาในระดับก่อนลงในเรื่องของอิหร่าน และตลาดผ่านการทดสอบด้วย 3 ตัวแปรมาได้ด้วยดี .... วันนี้ จึงต้องดูว่าจะขึ้นต่อไปได้หรือไม่ ถ้าขึ้นได้ แสดงว่าแรงซื้อเริ่มกลับเข้ามา มีโอกาส rebound ถึง 1100-1113 จุด ..... กลยุทธ์ ภาพรวมๆ เราแนะกลับมาซื้อหุ้นกันต่อ โดยเน้นไปที่หุ้นที่ราคาลงมาลึกๆ ไว้ก่อน

• list ของหุ้น ที่รอเก็บเมื่อตลาดหยุดลง Deep Discount : CPALL, BH , BDMS , MTC และหุ้น High Dividend Yield  : SCB, PTT

• List ของหุ้นที่ราคาลงมามาก (ดูจากราคาหุ้นเป็นหลัก) ที่ยังน่าเก็บ SCC, BGRIM, CPAXT, STA*, AMATA*

• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เราคงหุ้นเดิมไว้ทั้งหมด หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย CPALL(10%) , BDMS*(10%), AOT(10%), SCC(10%), SCB(10%)

 

( 0 ) Construction Services (Overweight) ครม. ไฟเขียวงบกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 1.15 แสนล้านบาท โดย 80% เน้นด้านโครงสร้างพื้นฐาน

 

( + ) Tourism (Neutral) นักท่องเที่ยวล่าสุด +4% WoW จากจีนและเกาหลี, ครม. อนุมัติโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง

( + ) MINT (ซื้อ/เป้า 34.00 บาท) 2Q25 QTD RevPAR โตดีตามคาด +6% YoY ส่วน SSSG ลดลง -3%

( + ) CBG (ซื้อ/เป้า 79.00 บาท) คาดกำไร 2Q25E โต +10% QoQ เร่งเปิดโรงงานกัมพูชา ธ.ค. นี้

( 0 ) Automotive (Underweight) ยอดผลิตรถยนต์ พ.ค.25 ดีขึ้นตามคาด จากฐานต่ำ และ BEV

( 0 ) CRC (ถือ/เป้า 27.00 บาท) คงเป้าการเติบโต +5% ต่อปีใน 2025-27E และมีการระวังการใช้จ่ายมากขึ้น