News
ล่าสุด (25/8/24) ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.91 THB/USD แข็งค่าเมื่อเทียบกับช่วงปลายเดือน มิ.ย.24 ที่อยู่ที่ 36.98 THB/USD และเป็นการแข็งค่ามากสุดในรอบ 13 เดือน เป็นผลจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่า เนื่องจากตลาดมองว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น หรือมากกว่าที่คาดการ์ไว้ โดยเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือน ก.ย.นี้ นอกจากนั้น มีปัจจัยเฉพาะของไทย เช่น จากการที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้การส่งออกทองคำค่อนข้างมาก และความชัดเจนทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ภาพรวมดูมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทมีการเคลื่อนไหวใกล้เคียงภูมิภาค
Implication
หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากเงินบาทกลับมาแข็งค่าและมีโอกาส outperform SET ได้มากสุด เราเลือก AAV, GULF, TOP
( + ) AAV (ซื้อ/เป้า 3.20 บาท) มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายเป็น USD ราว 60% และมีหนี้เป็น USD ราว 1 พันล้าน USD ซึ่งทุกๆ 1 บาท ที่แข็งค่าจะมี FX gain ราว 1 พันล้านบาท นอกจากนั้น ยังได้ผลบวกจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไร 3Q24E จะยังโดดเด่นแม้เป็นช่วง low season
( + ) GULF (ซื้อ/เป้า 60.00 บาท) มีหนี้สกุล USD ราว 1.7 พันล้านเหรียญฯ ทำให้เกิด unrealised FX gain ราว 1.7 พันล้านบาท หากค่าเงินบาทแข็งค่า 1 บาท ในขณะที่แนวโน้มผลประกอบการปกติ 2H24E คาดโตได้ HoH จากการ COD โครงการใหม่เพิ่มเติม
( + ) TOP (ซื้อ/เป้า 65.00 บาท) มีหนี้สกุล USD 67% ของหนี้ทั้งหมด ทั้งนี้ TOP มีหุ้นกู้เป็นสกุลเงินดอลลาร์ที่ 480 ล้านเหรียญฯ ทำให้เราประเมินว่าทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่า จะมี Fx gain ประมาณ 480 ล้านบาท (ไม่รวมผลกระทบจากการทำประกันความเสี่ยง (hedging) และ natural hedge) นอกจากนี้ เราคาดผลประกอบการฟื้นตัว QoQ ใน 3Q24E จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและราคาน้ำมันดิบ (crack spread) ที่ฟื้นตัว และพรีเมียมน้ำมันดิบ (crude premium) ที่ลดลง
หุ้นที่จะเสียประโยชน์จากเงินบาทที่แข็งค่าและมีโอกาส underperform SET ได้แก่ AAI (ซื้อ/เป้า 9.50 บาท), ITC (ซื้อ/เป้า 30.00 บาท), MEGA (ถือ/เป้า 44.00 บาท), TU (ซื้อ/เป้า 18.50 บาท)