สรุปภาพรวม : คาดดัชนีฯ ผันผวนกรอบแคบ ก่อนเข้าสู่วันหยุด
ตลาดหุ้นไทย ดัชนีฯจะมีความผันผวนหลังราคาหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นมามาก หุ้นธนาคารถูกกดดันจากการลดดอกเบี้ย ขณะที่บริษัทต่างๆ รายงานกำไรกันครบแล้ว และจะเข้าสู่วันหยุด ซึ่งจะเปิดมาด้วยการรายงานตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 2 ของไทย ในวันจันทร์
ปัจจัยและเหตุการณ์สำคัญ :
ปัจจัยต่างประเทศ
• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แผ่วลงหลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ปรับตัวสูงขึ้น (bond yield 10 ปี 4.29%) หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต (PPI) ออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ (PPI Final Demand YoY, actual 3.3%, est. 2.5%, prior 2.3%) ทำให้นักลงทุนลดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
• ความกังวลประเด็นการค้าสหรัฐฯ คลี่คลายไปบ้างแล้ว หลังโดนัลด์ทรัมป์ ประกาศตัวเลขภาษีนำเข้ารายประเทศ และคู่ค้าหลักอย่างจีนได้ตกลงขยายเวลาระงับภาษีนำเข้าออกไปอีก 90 วัน ด้านอินเดียที่โดยภาษี 50% ยังเชื่อว่าจะมีการเจรจาเพิ่มเติมอีก เพื่อตกลงในอัตราที่ต่ำลงกว่า หลังจากนี้ให้ระวังเรื่องการปรับภาษีนำเข้าเป็นรายสินค้าไป
• รอติดตามคืนนี้(15 ส.ค.) ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประชุมสุดยอดกับปธน. วลาดิเมียร์ ปูติน เพื่อหารือในข้อตกลงยุติสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทั้งนี้คาดว่าจะมีการหารือส่วนของการครอบครองดินแดน .... หากการเจรจาออกมาดี จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นยุโรป รวมถึงหุ้นส่งออกของไทย
ปัจจัยในประเทศ :
• การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. 0.25% และมีโอกาสที่จะปรับลดลงได้อีกอย่างน้อย 1 ครั้ง ในปีนี้ อาจส่งผลกระทบต่ออัตรากำไร(NIB) ของธนาคารของไทยมากขึ้น เป็นเหตุให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร ปรับตัวลดลงในวันที่ผ่านมา .... สัปดาห์หน้า คาดว่า ธนาคารต่างๆ จะทยอยประกาศเงินปันผลระหว่างกาล ซึ่งจะมีผลต่อราคาหุ้นธนาคาร ถ้า เงินปันผลจ่ายรอบนี้ สูงหรือต่ำกว่าที่คาดกันไว้
• แม้การตัดสินคำร้องของนายกฯ โดยศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 29 ส.ค.จะอีกหลายวัน แต่เนื่องจากจะมีผลต่อทิศทางการเมือง ซึ่งอาจเป็นบวกหรือลบต่อตลาดหุ้นได้ อาจทำให้การซื้อขายของตลาดจากนี้ไป มีความผันผวนมากขึ้น เพราะนักลงทุนจะปรับกรอบลงทุนมาเป็นสั้นๆ ส่วนหนึ่งมาจาก แรงขายทำกำไรจะมากขึ้น (หลังส่งงบ และขึ้น “”XD”)
• สภาฯ กำลัง พิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ในวาระ 2 และ 3 ซึ่งคาดว่าจะหารือเสร็จสิ้นและลงมติในวันนี้ ความคืบหน้าดังกล่าวเป็นผลต่อต่อตลาดหุ้น เนื่องจากรัฐบาลจะสามารถออกมาตรการเศรษฐกิจได้เร็วยิ่งขึ้น ช่วยให้เงินในระบบหมุนเวียนได้มากขึ้น
• สัปดาห์หน้า(18 ส.ค.) สภาพัฒน์ จะรายงาน GDP ไตรมาส 2/68 โดยเราคาดว่าจะออกมาดี และอาจมีการปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 2568-69 จากผลการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ GDP ไตรมาส 1/68 ที่ผ่านมา ขยายตัวที่ 3.1%
• สิ้นสุดกำหนดการส่งงบตลาด 2Q25 โดย DAOL ประเมินกำไรสุทธิของตลาดในไตรมาส 2/68 ที่ 3.14 แสนล้านบาท (+21% YoY, +11% QoQ) (รวมกำไรของ GULF ที่มีรายการพิเศษราว 5 หมื่นลบ. แต่ไม่รวมกำไรของ THAI) .... หลังจากนี้ให้ติดตามบทวิเคราะห์หุ้นรายตัวว่าจะมีการ Upgrade หรือ Downgrade ตามงบที่ออกมาของหุ้นนั้นๆ
• Event วันนี้ : GDP ญี่ปุ่น
Strategy
• ดัชนีฯ ยังไม่ผ่าน 1280 จุด (ปิด 1266 จุด) เรียกว่าค่อนข้างเหนียว ตลาดกำลังพยายามทำตัวให้หลุดจาก “ขาลง” ของตลาด ที่เป็นมาตั้งแต่ ต.ค.ปีก่อน ตลาดช่วงนี้จึงอาจมีความผันผวนมากกว่าปกติ
• กลยุทธ์หลัก: เน้นกรอบเวลาลงทุนรอบสั้นๆ ไว้ก่อน และหมุนเวียนกลุ่ม(Sector Rotation) เร็วขึ้น โดยเน้นไปที่หุ้นขนาดใหญ่ ที่ชี้นำดัชนีฯ
• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เราคงหุ้นเดิมไว้ทั้งหมด หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย DELTA*(10%), CPF*(10%), KTC(10%), KBANK(10%), TRUE*(10%)
Technical : KCE, PROEN
Results Review:
( + ) CK (ซื้อ/ปรับเป้าขึ้นเป็น 23.50 บาท) 2Q25 ดีกว่าคาดจากรายได้ก่อสร้างทรงตัวสูงและส่วนแบ่งกำไร CKP ดีขึ้น
( + ) MAGURO (ซื้อ/เป้า 26.00 บาท) กำไร 2Q โตตามคาด, 2H25E โตต่อ เตรียมเปิด Kiwamiya ก.ย. นี้
( + ) GFPT (ซื้อ/เป้า 13.20 บาท) 2Q25 ดีกว่าคาด, 3Q25E ได้อานิสงส์วัตถุดิบลงแม้มีประเด็นแรงงาน
( + ) PLANB (ซื้อ/เป้า 6.50 บาท) กำไร 2Q25 โต YoY, QoQ จากรายได้ OOH ขยายตัว
( + ) SJWD (ซื้อ/เป้า 11.30 บาท) กำไรปกติ 2Q25 ดีตามคาด โตดี YoY จากธุรกิจขนส่งและ Oversea
( + ) PRM (ซื้อ/เป้า 8.20 บาท) กำไรปกติ 2Q25 ใกล้เคียงคาด โตดีขึ้น QoQ จากเรือใหม่
( - ) OKJ (ถือ/ปรับเป้าลงเป็น 5.90 บาท) 2Q25 กำไรต่ำคาด สถานการณ์ 2H25E ยังมีความไม่แน่นอน
( - ) BTS (ถือ/ปรับเป้าลงเป็น 4.00 บาท) 1QFY26 ขาดทุนต่อเนื่องและต่ำกว่าคาด
( 0 ) IVL (ถือ/เป้า 22.00 บาท) ยังคงขาดทุนสุทธิใน 2Q25 แต่ลดลง QoQ
Company Update:
( + ) CBG (ซื้อ/เป้า 79.00 บาท) คาดกำไร 3Q25E เดินหน้าโตต่อ
( - ) CRC (ถือ/ปรับเป้าลงเป็น 22.00 บาท) 2H25E กดดันจากเศรษฐกิจไม่ฟื้นและคาด SSSG ติดลบต่อเนื่อง แม้ได้แรงหนุนจากการขยายธุรกิจ Food และ Hardline
( 0 ) OSP (ซื้อ/เป้า 21.00 บาท) คาดกำไร 3Q25E เติบโต YoY ชะลอตัว QoQ ตามฤดูกาล