SET Outlook
• คาดดัชนีฯ ยังมีโอกาสเดินหน้าต่อด้วยมุมมอง และทิศทางการเมืองที่อาจพลิกผันเศรษฐกิจไทยได้ และ Fed มีแนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ย
• ตลาดหุ้นพลิกตัวกลับจากการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก และจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะหนุนตลาดหุ้นไทยให้ไปต่อ สัปดาห์นี้ โอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ย (มาก/น้อย) จะเป็นตัวแปรที่มีผลต่อไทยและการลงทุนทั่วโลก ซึ่งประเมินว่า แนวโน้มดัชนีฯ ยังน่าจะดีต่อ ..... ประเมินกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ไว้ที่ 1330-1370 จุด
• ตัวแปรสำคัญในต่างประเทศ ผ่านไปเกือบหมด เหลือ อิหร่าน-อิสราเอล และ อิสราเอลกับฮามาส ที่ยังมีการใช้กำลังทางทหาร ไปพรอ้มๆกับการเจรจาหยุดยิง
• คืนวันศุกร์ ประธาน Fed ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยครั้งแรก 18 ก.ย. นักลงทุนส่วนใหญ่ น่าจะปรับพอร์ต รับการลดดอกเบี้ยรอไว้เลย ตลาดหุ้น EM น่าจะได้ประโยชน์ ขณะที่ค่าเงินดอลล่าร์ มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งจะดีต่อตลาดหุ้น และราคาทองคำ
• ธปท. พร้อมปรับนโยบายการเงินเพื่อเสถียรภาพ หลังผู้กำหนดนโยบายกังวลมากขึ้นถึงผลกระทบที่ตลาดการเงินมีต่อเศรษฐกิจมหภาค ผู้ว่าฯ เศรษฐพุฒ กล่าวไว้ ....... เราตีความไปในทางที่บวกต่อตลาด ธปท. ลด gap ของความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและ ธปท. ลง หลังมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หมายความว่า ธปท. ไม่ปฎิเสธในการปรับลดดอกเบี้ย เมื่อถึงเวลา
• สัปดาห์นี้ รอฟังแถลงตัวเลขการนำเข้าและส่งออกไทย จากสนค. รอบเดือนก.ค. ส่งออกเดือนมิ.ย.หดตัวอยู่ที่ -0.3% และนำเข้าขยายตัว 0.3% ซึ่งทั้งปีคาดเป้าการส่งออกไว้ที่ 1-2% ซึ่งในครึ่งปีแรกขยายตัวอยู่ที่ 2%
• รอติดตามงาน Thailand Focus 2024 วันที่ 28-30 ส.ค.นี้ จะมีบริษัทฯ เข้าร่วมกว่า 113 บริษัท จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนสถาบันต่างชาติ ชูให้เห็นการปรับตัวและการก้าวไปข้างหน้าของไทย โดยจากสถิติย้อนหลังช่วงที่จัดงาน SET Index มักจะปรับตัวขึ้น 7 ใน 10 ครั้ง ซึ่งคาดว่าปีนี้อาจมีการปรับขึ้นเช่นกัน สถาการณ์การเมืองเริ่มคลี่คลาย อาจได้เห็นความชัดเจนของนโยบายนายกฯ ใหม่ในเร็วๆนี้
• สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยเข้าพบนายกฯ ศุกร์ที่ผ่านมาได้เสนอมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจเร่งด่วน ทั้งในระยะสั้น กลาง ยาว 3 เรื่อง 1) สร้างความเชื่อมั่นในและต่างประเทศ ทั้งระยะสั้น-กลาง-ยาว โดยเร่งเบิกจ่ายงบปี67 และเร่งจัดทำงบปี ‘68 กระตุ้นเศรษฐกิจ เร่งออกมาตรการดึงการจับจ่ายและมาตรการภาษี และช่วยเหลือเรื่องค่าไฟฟ้า ค่าพลังงาน 2) สร้างความสามารถแข่งขัน SME 3) วางกลยุทธ์ประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
• รมว.แรงงาน เตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพื่อรองรับผลกระทบปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน ซึ่งคาดบังคับใช้ช่วง ก.ย.-ต.ค.67 โดยได้เสนอ 1) ลดเงินสมทบประกันสังคมฝ่ายนายจ้าง 1% เป็นเวลา 12 เดือน 2) ลดภาษีค่าใช้จ่ายของสถานประกอบการ 1.5% 3) สถานประกอบการที่มีลูกจ้าง 200 คนขึ้นไป ขึ้นค่าแรงตามวันทำงานจริง และบริษัทขนาดเล็กไม่ถึง 200 คน ยังคงมาตรการค่าจ้างเดิมระยะเวลา 12 เดือน
• Event สำคัญ สัปดาห์นี้: รายงานตัวเลขนำเข้า-ส่งออกไทย (26) GDP สหรัฐฯ (29) PCE สหรัฐฯ (30) เงินเฟ้อญี่ปุ่น (30) MSCI Rebalance (30)
Strategy
• แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ยังไปได้ต่อ โดยเฉพาะถ้ายืนเหนือ 1350 จุด ได้ ก็มีโอกาสที่จะเห็นดัชนีฯที่ 1400 จุด ในอีกไม่นาน (ขึ้นกับการเมือง) .... กลยุทธ์ คงเดิม หุ้นใหญ่ ถือยาวได้ แต่การเก็งกำไรช่วงสั้น ต้องสลับ Theme ไปเรื่อยๆ โดยเรายังเน้นไปที่หุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการเศรษฐกิจ
• การปรับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ มีความเป็นไปได้ที่จะพยายามแก้ไขปัญหาลูกหนี้ (อย่างจริงจังมากขึ้น) และมาตรการเศรษฐกิจใหม่ น่าจะกระตุ้น GDP ให้สูงกว่าประมาณการปัจจุบัน (ปีนี้ 2.5%) ได้ หุ้นที่คาดได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ลำดับแรกๆ น่าจะเป็นหุ้นธนาคาร และจะทำให้ความสามารถในการจ่ายเงินปันผลดีขึ้นด้วย หุ้นธนาคาร ทีมกลยุทธ์ให้ความสนใจกับ SCB, KTB
• หุ้นอิงมาตรการเศรษฐกิจ ในส่วนของค้าปลีก เราคัดไว้ 3 ตัว คือ CPAXT, HMPRO, CRC ส่วนหุ้นที่เราตัดออกจาก list นี้ มี 3 ตัว คือ SYNEX, COM7, CK
• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เราเพิ่ม SCB เข้ามา หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย SCB(10%), HMPRO(10%), CPAXT(10%)
Technical : IVL, ITEL
News Comment:
( + ) BEM (ซื้อ/เป้า 11.40 บาท), CK (ซื้อ/เป้า 29.00 บาท) กทพ. ไฟเขียว BEM สร้าง Double Deck แลกขยายสัมปทาน 22 ปี 5 เดือน
( 0 ) Ground Transport (Neutral) รมว.คมนาคม ยืนยันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ไม่กระทบผู้รับสัมปทานปัจจุบัน โดยมีแนวคิดซื้อคืนสัมปทานและจ้างเอกชนรายเดิมเดินรถ
Thematic report:
( + ) SET: The winners of lower rates trend
(+/-) หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า
Company Update:
( + ) BAFS (ซื้อ/เป้า 18.00 บาท) เป้าหมายโดยรวมยังดีตามคาด, เชื่อมท่อภาคตะวันออกเริ่มก่อสร้างปีนี้
( + ) OSP (ซื้อ/เป้า 28.00 บาท) แนวโน้ม 3Q24E ยังเป็นไปตามคาด
( - ) AAI (ซื้อ/ปรับเป้าลงเป็น 8.20 บาท) 3Q24E โดนกดดันจากบาทแข็งค่า แต่ถูกชดเชยบางส่วนจากปัจจัยฤดูกาล
( 0 ) PTTGC (ถือ/เป้า 27.00 บาท) มีความชัดเจนมากขึ้นในการตั้ง loss on impairment of assets
กลับสู่ด้านบน
DAOL Contact Center Address เลขที่ 87/2 อาคารซีอาร์ซีทาวเวอร์ ชั้นที่ 18 ออลซีซั่นส์เพลส ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
©2025 บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สงวนลิขสิทธิ์