SET Outlook
• คาดดัชนีฯ ผันผวน จากการเข้ามาเก็งกำไรช่วงสั้น ธนาคารทยอยส่งงบ และตามผลการเจรจาการค้า
• ตลาดหุ้นไทย ผันผวนรายวัน จากแรงซื้อหุ้นที่ราคาลงมาลึก เนื่องจากภาพใหญ่ของตลาด ยังรอคอยผลเจรจาการค้า ขณะที่หุ้นธนาคารจะเริ่มทยอยส่งงบการเงิน 2Q คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ไว้ที่ 1115-1140 จุด
• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากผู้นำสหรัฐฯ เพิ่มความเข้มข้นในการใช้มาตรการทางการค้า โดยขู่ว่าจะขึ้นภาษี 35% กับสินค้าแคนาดาบางรายการ และจะขึ้นภาษี 30% กับสหภาพยุโรปและเม็กซิโกในเดือนหน้า...... ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าจากความเสี่ยงในเรื่องสงครามการค้า
• การเจรจาการค้าสหรัฐฯ ยังเป็นประเด็นต้องติดตามต่อ ตลาดสัปดาห์นี้ คาดทรัมป์จะร่อนจดหมายเรียกเก็บภาษีศุลกากรให้อีกหลายๆ ประเทศ ติดตามทีมไทยแลนด์จะเดินหน้าทำข้อเสนอใหม่ต่อสหรัฐฯ เสร็จก่อน 14 ก.ค. แต่เราเล็งว่า ข้อเสนอล่าสุด อาจรู้ผลไม่เกินสัปดาห์นี้ โดยยังหวังอะไรไม่ได้มากนัก
• สัปดาห์นี้ ตลาดจะรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ทั้ง GDP และตัวเลขส่งออกของจีน รวมไปถึง CPI สหรัฐฯ (คาดการณ์ 2.6%; ครั้งก่อน 2.4%) และ PPI สหรัฐฯ (คาดการณ์ 2.5%; ครั้งก่อน 2.6%) จากการประกาศใช้มาตรการภาษีของทรัมป์ คาดเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะเริ่มปรับตัวขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของ Fed ในการประชุมปลายเดือนนี้(29-30)
• สุญญากาศการเมืองไทยยังมีอยู่ กลางสัปดาห์นี้(16) จะเป็นช่วงสุดท้ายที่นายกฯ ต้องส่งคำชี้แจงต่อศาล รธน. ในประเด็นคลิปเสียงฮุนเซน หลังศาลฯ มีมติรับคำร้องและสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวเมื่อต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา .... จากนี้หลังจากนายกฯ ส่งคำชี้แจงแล้ว คาดการเมืองยังคงเป็นสูญญากาศต่อจนกว่าศาลฯ จะมีคำตัดสิน ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลภายในเดือนก.ค.นี้
• ฤดูกาลเก็งงบการเงิน 2Q/25 ใกล้มาถึงแล้ว เราประเมินกำไรตลาด จะอยู่ในช่วง 2.1-2.3 แสนล้านบาท ซึ่งต่ำกว่า 1Q/25 ที่ 2.82 แสนล้านบาท .... DAOL ประเมินกำไรกลุ่มธนาคาร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ส่งรายงานเป็นอันดับแรก ไว้ที่ 5.3 หมื่นล้านบาท -2% yoy ; -10 qoq ใกล้เคียงกับ Bloomberg Survey ที่คาดว่าจะกำไรหุ้นทั้งกลุ่มจะ -4% YoY และ -10% qoq ..... หุ้นธนาคาร จะมีการประกาศจ่ายเงินปันผลงวดแรก หลังส่งงบ จะหนุนให้ราคาหุ้นช่วงนี้ยังแข็งแรงอยู่
• Event สัปดาห์นี้ : ส่งออกจีน เดือนมิ.ย.(14)(คาดการณ์ 5.1%; ครั้งก่อน 4.8%) , China GDP Q2/25(15)(คาดการณ์ 5.1%; Q1/25 5.4%), CPI จีน(15)(คาดการณ์ 2.7%; ครั้งก่อน 2.4%), CPI สหรัฐฯ(15), PPI สหรัฐฯ(16), ตัวเลขเคลมการว่างงาน สหรัฐฯ(17)
Strategy
• แรงซื้อหุ้น แบบเก็งกำไร ในช่วงที่รอเรื่องเจรจาการค้าและการเมืองของไทย แต่หนุนให้ดัชนีฯ ขึ้นมาถึง 1121 จุด เรียกว่าแรงซื้อหุ้นราคาต่ำ กลับมาเป็นตัวช่วยตลาด แต่ต้องทำใจว่า ตลาดจะเป็นแบบนี้ (ไร้ทิศทาง) ไปอีกจนถึงปลายเดือน ก.ค. .......กลยุทธ์ ใช้ 3 สูตรลงทุนช่วงนี้ “เล่นสั้น-หาหุ้นลงลึก-หุ้นปันผลสูง”
• หุ้นที่มีความเป็น defensive และอิงปัจจัยในประเทศ ซึ่งจะเสี่ยงน้อยจากมาตรการการค้า นอกจากกลุ่มธนาคาร ที่เป็นเสาหลักของตลาดในเวลานี้ จะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ของแต่ละกลุ่มเราเลือก CPALL และ ADVANC ที่จะเป็นหุ้นที่เอาไว้พักเงินได้ค่อนข้างดี
• list ของหุ้นที่ราคาลงมามาก อาจเลือกเข้าเก็งกำไรช่วงสั้นๆ OSP, STA*, JMT*, PRM
• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เราคงหุ้นในพอร์ตไว้ หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย MTC*(10%), TTB(10%), TOP(10%), SCB(10%)
Technical : KTC, COCOCO
News Flash:
( 0 ) BEM (ซื้อ/เป้า 10.00 บาท) ผู้ใช้บริการ มิ.ย. 2025 ดีขึ้น MoM ตามฤดูกาล, แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q25E ทรงตัว YoY และดีขึ้น QoQ จากปันผล
Company Update:
( + ) KLINIQ (ซื้อ/เป้า 28.00 บาท) กำไร 2Q25E ขยายตัว YoY, 3Q25E - 4Q25E เดินหน้าโตต่อ
( - ) NEO (ปรับลงเป็นถือ/ปรับเป้าลงเป็น 24.60 บาท) กำไร 2Q25E ลดลงจากเศรษฐกิจชะลอและต้นทุนและค่าเสื่อมเพิ่ม
( - ) MASTER (ซื้อ/ปรับเป้าลงเป็น 15.00 บาท) แนวโน้มกำไร 2Q25E ชะลอตัวกว่าคาดจาก SG&A to sales ที่สูง