News Flash
ประกาศปรับโครงสร้าง เพิกถอนหุ้น STEC และจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งเข้าจดทะเบียนแทน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2023 มีมติอนุมัติให้ปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) จัดตั้งบริษัท Stecon Group จำกัด (มหาชน) เพื่อเป็นบริษัทโฮลดิ้ง โดยจะเพิ่มทุนจดทะเบียนและทำคำเสนอซื้อหุ้น STEC ผ่านการแลกหุ้น (Share swap) ที่อัตราการแลกหุ้นสามัญของ Stecon Group 1 หุ้น ต่อหุ้นสามัญของ STEC 1 หุ้น (1:1) โดยจะต้องมีผู้แสดงเจตนาขายหุ้นให้แก่ Stecon Group ไม่น้อยกว่า 75%
2) ภายหลังขั้นตอน Share swap เสร็จสิ้น บริษัทจะเพิกถอนหุ้น STEC ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และนำหุ้นของ Stecon Group เข้าจดทะเบียนแทนในวันเดียวกัน
3) ภายหลังจากที่ Stecon Group เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว จะมีการดำเนินการโอนย้ายบริษัทย่อย บริษัทร่วม และเงินลงทุนในบริษัทอื่นไปยัง Stecon Group ที่ราคาทุน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจำแนกประเภทของธุรกิจอย่างชัดเจน ได้แก่ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจสาธารณูปโภคพื้นฐานและพลังงาน ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและการขนส่ง และธุรกิจอื่น
ทั้งนี้แผนการปรับโครงสร้างดังกล่าวจะต้องได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 เสียง ซึ่งจะมีการจัดประชุมในวันที่ 8 ก.พ. 2024 ขณะที่ขั้นตอน Share swap คาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วง มิ.ย.-ก.ย. 2024 และขั้นตอนการเพิกถอนหุ้น STEC และนำหุ้น Stecon Group เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงขั้นตอนโอนย้ายหุ้นบริษัทย่อย บริษัทร่วม และเงินลงทุนในบริษัทอื่น คาดจะเสร็จสิ้นภายใน ก.ค.-ส.ค. 2024 (ที่มา: SET)
Implication
เรามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อย โดยระยะสั้นเรามองว่าการปรับโครงสร้างธุรกิจดังกล่าวจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานอย่างมีนัย ขณะที่ธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกิจ Data Center จะยังเป็นบวกค่อนข้างจำกัด โดยคาดการณ์จะเริ่มเห็น income contribution เต็มปีตั้งแต่ปี 2026E และเป็น upside กำไรต่อปีเพียง +1-2% อย่างไรก็ตามเรามองว่าระยะยาวแผนดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวและเพิ่มโอกาสให้บริษัทในการขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ ตามแผนสร้าง recurring income และ diversify ธุรกิจนอกเหนือจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
ทั้งนี้เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2023E/24E ที่ 578 ล้านบาท/616 ล้านบาท (-30% YoY/+7% YoY) สำหรับ 4Q23E เบื้องต้นเราประเมินกำไรปกติจะอยู่ที่ราว 100-120 ล้านบาท ปรับตัวลงจากกำไรปกติ 4Q22 ที่ 278 ล้านบาท และกำไรปกติ 3Q23 ที่ 130 ล้านบาท โดยลดลง YoY จาก GPM อ่อนตัวจากต้นทุนค่าใช้จ่ายบางโครงการสูงขึ้น โดยเฉพาะอุโมงค์ระบายน้ำบึงหนองบอนที่มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการซ่อมแซม และบริษัทร่วมขาดทุนหลังการเปิดให้บริการสายสีเหลืองผู้โดยสารยังต่ำกว่าคาด ขณะที่กำไรปกติลดลง QoQ จาก SG&A สูงขึ้นตามฤดูกาล
คงคำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมาย 9.50 บาท อิง 2024E PER 23.5x (-0.5SD below 5-yr average PER) แม้ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวลงถึง -35% YTD แต่เรามองว่าประมาณการปี 2024E ยังมีความเสี่ยงจากบริษัทร่วมอาจใช้เวลาฟื้นตัวช้ากว่าคาดและ GPM ค่อนข้างผันผวน ขณะที่โครงการใหญ่อู่ตะเภายังมีโอกาสล่าช้า
กลับสู่ด้านบน
DAOL Contact Center Address เลขที่ 87/2 อาคารซีอาร์ซีทาวเวอร์ ชั้นที่ 18 ออลซีซั่นส์เพลส ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
©2025 บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สงวนลิขสิทธิ์