คาดดัชนีฯ แกว่งกรอบแคบๆ ตลาดหุ้นส่วนใหญ่น่าจะรอดูผลการประชุม FOMC คืนนี้ อย่างไรก็ตาม แรงซื้อหุ้นที่ได้อานิสงค์จากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ยังเดินหน้าขึ้นต่อ ทำให้ดัชนีฯ เดินหน้ามาถึง 1300 จุด ได้อย่

• การเมืองไทย : ติดตามการเสนอชื่อ ครม. คาดนำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วเย็นวานนี้ พร้อมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเข้าช่วง high season ของไทยพอดี เก็งมาตรการหลักคือ คนละครึ่ง มาตรการลดหย่อยภาษี รวมถึงมาตรการท่องเที่ยวอื่นๆ หุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้น ได้แก่ CPAXT, BJC, CRC, HMPRO, GLOBAL และ COM7

• ทองคำและค่าเงินบาท  กลายเป็นตัวแปรที่ถูกพูดถึงมาก เพราะการส่งออกทองและราคาทองที่สูงขึ้น มีส่วนให้เงินบาทแข็งค่า ติดตามนโยบายกดค่าเงินบาทผ่านนโยบายการซื้อขายทองในประเทศ ค่าเงินบาท ยังทรงๆที่ 31.7 บาท/ดอลล่าร์

•  Bond Yield 10 ปี ของไทย ที่ปรับขึ้นมาจากจุดต่ำสุด ที่ 1.2% มาอยู่ที่ 1.49% ในเวลาเพียง 2 วัน แม้นักลงทุนต่างประเทศจะ net buy ในตลาดพันธบัตรไทยวานนี้ 1.9 พันล้านบาท แต่ต้องเฝ้าดูว่า นักลงทุนต่างประเทศจะกังวลมาตรการกดค่าเงินบาท หากเงินบาทอ่อนค่าลงไป จะเกิดแรงเทขายในตลาดพันธบัตร(ไทย) เพื่อเก็บกำไรจากตลาดพันธบัตรและกำไรค่าเงินบาท

• ผลการประชุม FOMC คืนนี้ เป็นที่น่าจะจับมอง นักวิเคราะห์หลายสถาบันรวมถึงนักลงทุนคาดหวังให้ Fed ลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้อย่างน้อย 0.25% หากเกิดขึ้นจริงตามจะเป็นผลดีกับตลาดเอเชีย กระแสเงินทุนจะไหลเข้ามากขึ้น รวมถึงพันธบัตร ทองคำ และ Crypto Currency แต่หากลดถึง 0.50% อาจเป็นลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้

• วุฒิสภาสหรัฐฯ ให้นายสตีเฟน มิแรน ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่งเป็นหนึ่งในกรรมการ Fed และสามารเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ได้ทันที ส่วนด้านางลิซา คุก ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งคุ้มครองให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ จากกรณีทรัมป์พยายามปลดจากตำแหน่ง .... แม้ศาลฯ จะตัดสินว่าทรัมป์ไม่มีอำนาจปลดลิซ่า คุกได้ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามแทรกแซงธ.กลางของทรัมป์ นอกจากนี้ นายสตีเฟน มิแรนที่ได้รับอนุมัติก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรัมป์เสนอชื่อต่อสภาฯ

• การหารือระหว่างคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ อย่างอินเดียและจีน คาดอินเดียได้เห็นข้อสรุปเร็วๆ นี้ หลังมีรายการทรัมป์และโมดีนัดเจรจาการค้าสัปดาห์นี้ ด้านจีนหลังบรรลุข้อตกลง TikTok แล้ว ผู้นำทั้งสอง ทรัมป์ และสี จิ้นผิงได้นัดเจรจากันวันศุกร์นี้(19 ก.ย.) ติดตามความคืบหน้าคาดมีการหารือเรื่องภาษีการค้าเพิ่มเติมด้วย

• ราคาน้ำมันดิบ Brent เช้านี้ $68 เหรียญ ตลาดยังมีความกังวลจากสถานการณ์ในยุโรป หลังรัสเซียและยูเครน กลับมาใช้กำลังทางทหารรอบใหม่ ....  ข่าวนี้ บวกต่อหุ้น PTTEP แต่คงไม่มาก เนื่องจากนักลงทุนเองก็ห่วงในเรื่อง supply ที่จะเพิ่มในอนาคตหลัง OPEC+ เพิ่มกำลังการผลิตเข้ามาเรื่อยๆ

•   US-FOMC Rate Decision, JN-Exports YoY งวด ส.ค.;(คาดการณ์: -1.78%, ครั้งก่อน: -2.60%), EC-CPI YoY งวด ส.ค.

 

• ตลาดหุ้นไทยตอนนี้ ปัจจัยที่เคยถ่วงตลาด ค่อยๆลดบทบาทลง โดยจะไปมีผลอีกครั้งคือ เมื่อนักลงทุนกลับมาให้ความสนใจกับการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่ในตลาดต่างประเทศ วันนี้ น่าจะออกไปในทาง sideway

• กลยุทธ์หลัก:  เราแนะนำให้ wait & see เพื่อรอดูผลประชุม FOMC คืนนี้ หรือเก็งกำไรสั้นๆ เน้นไปที่หุ้น Domestic Play  หรือหุ้นที่ราคาขึ้นมาไม่มาก และถ้าผลประชุม FOMC ออกมาดี ค่อยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนให้เพิ่มขึ้น

• มาตรการท่องเที่ยว ทยอยออกมามากขึ้น หุ้นอิงการท่องเที่ยว ที่น่าซื้อ AOT, CENTEL, THAI*

• หุ้นในพอร์ตแนะนำ : เรานำ SCB, PTTEP ออก และนำ AOT เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ต ประกอบไปด้วย AOT(10%), THAI*(10%), OR(10%), KTC*(10%), CPAXT(10%), ADVANC(20%), CCET*(10%)

 

( 0 ) Energy (Neutral) มีข่าวลือบริษัทท่อส่งน้ำมันรัสเซียอาจรับน้ำมันน้อยลง; Transneft ออกมาปฏิเสธแล้ว

 

( + ) Tourism (Neutral) นักท่องเที่ยวล่าสุด +11% WoW จากญี่ปุ่น, อินเดียและรัสเซีย

( + ) AOT (ถือ/เป้า 37.00 บาท) กพท.อาจมีข้อเสนอให้ปรับ PSC ขึ้น 100 บาท

 

( + ) MAGURO (ซื้อ/ปรับเป้าขึ้นเป็น 33.00 บาท) Outlook ดีต่อเนื่อง, 3Q25E ลุ้นกำไรทำ All Time High