logo
search
flag-th
share-icon

BANK (NEUTRAL)

 

News Flash

           คลังเตรียมแก้ กม. เก็บประวัติชำระหนี้ลูกค้าหนี้เสีย 8 ปี ช่วยลูกหนี้โควิด-19 เข้าถึงสินเชื่อ 'คลังจ่อแก้กฎหมาย ลดเวลาติด 'แบล็กลิสต์ก่อหนี้เสีย (NPL) และเสียประวัติในเครดิตบูโร นาน 8 ปี ช่วยประชาชนปิดหนี้กลับสู่สินเชื่อในระบบเร็วขึ้น โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เป็นข้อที่น่าสังเกตว่าการติดแบล็กลิสต์ (Blacklist) จากการก่อหนี้เสีย (NPL) จะทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถกลับเข้ามาสู่ระบบสินเชื่อในระบบได้เป็นระยะเวลานานถึง 8 ปี เนื่องจากหากเป็นหนี้ NPL จะไม่สามารถก่อหนี้ใหม่เป็นเวลา 5 ปี และมีประวัติไม่ดีอยู่ในเครดิตบูโร 3 ปี ทั้งนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะแก้เกณฑ์ดังกล่าวให้สามารถลดระยะเวลาลงมาได้อย่างไร เพื่อให้ประชาชนกลับมาเป็นสถานะหนี้ผ่อนปกติหรือหนี้ปิดบัญชี จะทำให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ในอนาคต และลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบได้ ซึ่งคงต้องไปดูกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อน โดยขณะนี้กำลังพิจารณาว่าคนที่ติดแบล็คลิสต์จะสามารถลดระยะเวลาก่อหนี้ใหม่ไม่ได้จาก 5 ปี ลดลงเหลือ 2 หรือ 1 ปี และบวก 3 ปี ในประวัติเครดิตบูโร ซึ่งต้องไปดูว่าส่วนนี้สามารถแก้ไขกฎหมายได้อย่างไร ทั้งนี้มองว่าการติดแบล็กลิสต์เป็นระยะเวลา 8 ปี ในปัจจุบันนี้ยาวนานเกินไป (ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ)

Implication

           มองเป็นลบเล็กน้อยต่อกลุ่มธนาคาร เรามีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยต่อการแก้กฎหมายในการลดระยะเวลาในการเก็บประวัติชำระหนี้ลูกค้าหนี้เสียที่เดิมเก็บที่ 8 ปี (5 ปี ส่ง+ 3 ปี ลบ) โดยจะให้ลดในส่วนของ 5 ปีส่ง ที่เป็นข้อมูลของธนาคารในการนับเป็น NPL และไม่สามารถก่อหนี้ใหม่ได้ โดยอาจจะลดลงเหลือ 1-2 ปี (เรามองว่าเป็นไปได้ยาก) ซึ่งทำให้เราคาดว่าจะมี Credit risk ที่เพิ่มขึ้นในการปล่อยสินเชื่อใหม่กับลูกหนี้ที่ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ ขณะที่เราคาดว่าลูกหนี้กลุ่มนี้จะเป็นสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน (Unsecured loan) ในส่วนของสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล โดยประเมินหุ้นที่จะได้รับผลกระทบเรียงจากมากไปน้อย คือ KTB, SCB, KBANK และ TTB (Fig 1) แต่อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าการแก้กฎหมายนี้จะเกิดขึ้นได้ยากเพราะ ธปท. ไม่น่าเห็นด้วยกับประเด็นนี้เนื่องจากหนี้ครัวเรือนของไทยยังคงอยู่ในระดับสูง โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้เพื่อการบริโภคแบบไม่มีหลักประกัน ซึ่งต่างจากต่างประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นหนี้บ้านที่มีหลักประกัน (อเมริกาเก็บข้อมูลไว้นาน 7 ปี และอังกฤษเก็บ 6 ปี)

ทั้งนี้ หากอ้างอิงลูกหนี้ช่วงโควิดในปี 2020 และถ้าแก้กฎหมายให้เป็น 3 ปีส่ง+3 ปีลบ รวมเป็น 6 ปี จะทำให้เห็นผลกระทบจากประเด็นนี้ในปี 2026E เป็นต้นไป

           ยังคงน้ำหนักเป็น “เท่ากับตลาด” เลือก KBANK, TTB เป็น Top pick เรายังคงน้ำหนักกลุ่มธนาคารเป็น “เท่ากับตลาด” เพราะการเติบโตของกำไรปี 2024E จะโตได้ชะลอตัวเหลือ +5% YoY จากปี 2023 ที่ +18% YoY แต่อย่างไรก็ดี ด้าน valuation ยังถูก เทรดที่ระดับเพียง 0.61x PBV (-1.25SD below 10-yr average PBV) โดยเราเลือก KBANK, TTB เป็น Top pick

- KBANK ราคาเป้าหมายที่ 155.00 บาท อิง 2024E PBV ที่ 0.65x (-1.25SD below 10-yr average PBV) เพราะคุณภาพของสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ประกอบกับเราคาดกำไร 2Q24E จะเพิ่มขึ้น YoY จากสำรองฯที่ลดลง รวมถึงมี valuation ที่น่าสนใจ โดยซื้อขายเพียง 0.57x PBV (-1.50SD below 10-yr average PBV) ถูกกว่ากลุ่มที่ 0.61x PBV และถูกกว่า SCB ที่ 0.73x PBV

- TTB ราคาเป้าหมายที่ 2.10 บาท อิง PBV 2024E ที่ 0.85x (-0.75SD below 10-yr average PBV) เพราะแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2024E อยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นได้ดีสุดในกลุ่มที่ +13% YoY ขณะที่คาดกำไร 2Q24E จะเพิ่มขึ้นได้ทั้ง YoY/QoQ จาก Tax benefit และการรุกสินเชื่อที่ผลตอบแทนสูงจากฐานกลุ่มลูกค้าเดิมของ TTB ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าการหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ด้านราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PBV ที่ 0.71x ที่ระดับ -0.75SD below 10-yr average PBV และยังมี Dividend yield ที่ระดับราว 6%

กลับสู่ด้านบน

combo-icon
certified

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

DAOL Contact Center 0 2351 1800contactcenter@daol.co.th

DAOL Contact Center Address เลขที่ 87/2 อาคารซีอาร์ซีทาวเวอร์ ชั้นที่ 18 ออลซีซั่นส์เพลส ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

logo

and our member companies

บริษัทหลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรีท แมเนจเมนท์บริการสินเชื่อ

©2025 บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สงวนลิขสิทธิ์