• คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ 1620-1660 จุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา1644.78 จุด / +1.15%)

• ตลาดเอเชีย จะรับผลจากการเตรียมขึ้นดอกเบี้ยแรงของ Fed ( Fed อาจจบรอบการขึ้นรอบนี้ที่ 4.0%)โดยFOMCประชุมเดือนก.ย.ยังคงเป็น +0.75% ... คาดตลาดหุ้นอาจตกใจเพียงช่วง สั้นๆ แต่ราคาพันธบัตร+ทองคำ จะถูกกระทบในระยะที่ยาวกว่านั้น

• ราคาน้ำมับดิบที่ดีดตัวขึ้นมาอีกครั้ง ดันเงินเฟ้อให้กลับมา แต่ตลาดหุ้นไทยได้อานิสงค์จากการ ปรับตัวสูงขึ้นของหุ้นน้ำมัน (มากกว่า)

• ศาล รธน. อาจจะออกคำวินิจฉัยสถานะของนายกฯ คาดผลที่ออกมาจะไม่เป็นลบต่อตลาดหุ้น

 

• ตลาดจะรับรู้ผลจาก Fed จะขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าคาด แต่การตกลงของดัชนีฯ จะเป็นจุดที่จะเข้า ซื้อเก็งกำไรช่วงสั้น

• การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ คาดมีผลต่อตลาดไม่มาก (เพราะรับรู้ไปแล้ว ยกเว้นออกมาผิด คาด) ทำให้เรายังมองดัชนีฯ มีโอกาสกลับไปหา 1650 จุดได้อยู่

• นักลงทุนที่เล่นกลุ่มพลังงาน ต้องรอดูการประชุม ECB เรื่องมาตรการพลังงาน มีผลต่อราคาหุ้น PTTEP, BANPU, LANNA

• จับกระแสเก็งกำไรช่วงสั้นๆ หุ้นราคาลงมาลึก เราชอบ NER, YGG

• หุ้นในพอร์ตสัปดาห์นี้ เรานำ KTB, COM7 ออกจากพอร์ต และเพิ่ม GLOBAL, NER เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบไปด้วย GLOBAL(10%), NER(10%), SCB(10%), BDMS(10%), WICE(10%), IVL(10%), BANPU(10%), SICT(10%)

 

SET ปิดที่ 1,644.78 จุด เพิ่มขึ้น 1.26 จุด (+0.08%) มูลค่าการซื้อขาย 68,725.44 ล้านบาท ปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนรอดูถ้อยแถลงของ Powellตัวแปรในประเทศ เงินบาทแข็งค่า นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นปันผลดี

 

( 0 ) Construction Services (Overweight) เคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 3-7% เป็น 328-354 บาท มีผล 1 ต.ค.

 

( + ) TOG (ซื้อ/เป้า 11.00 บาท) เลนส์ Rx ยังขยายตัวดี แต่สายการผลิตใหม่เลื่อนไป ส.ค. 2023E

( + ) KTC (ซื้อ/ปรับเป้าขึ้นเป็น 68.00 บาท) สินเชื่อจะขยายตัวดีอย่างมีคุณภาพ, credit cost จะต่ำอย่างมีนัย

( + ) THANI (ซื้อ/เป้า 5.00 บาท) สินเชื่อใหม่จะเพิ่มขึ้นสูง ควบคู่ NPL และ credit cost ที่ต่ำ

( - ) CBG (ซื้อ/ปรับเป้าลงเป็น 115.00 บาท) คาด 3Q22E ชะลอตัวจากรายได้เมียนมาร์และจีนลดลง