☀️THE SUNDAY PAPER : ราวๆ 5 ปีที่เศรษฐกิจและตลาดสินทรัพย์ทางการเงินเจอเหตุการณ์ที่มีผลกระทบทั่วทั้งโลกแบบต่อเนื่อง ตั้งแต่เรื่องการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคเทคโนโลยีของภาคธุรกิจ (Technology Disruption)  สงครามการค้า (Trade War) ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ต่อเนื่องด้วยการระบาดของโรคโควิด-19 และมาถึงปีนี้คือเกิดสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ที่กำลังสร้างปัญหาในเรื่องการขาดแคลนอาหารและระบบห่วงโซ่การผลิตสินค้าต่างๆ  รวมถึงราคาน้ำมัน และเงินเฟ้อที่กำลังกดดันเศรษฐกิจโลกในเวลานี้มากขึ้น

 

📉หลายวิกฤตปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวยังไม่มีปัญหาใดจบลงไปอย่างหมดสิ้น และในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นได้ส่งผลให้กำไรตลาดหุ้นตกลงอย่างมากรวมทั้งกับตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านปรับตัวลงไปตามสถานการณ์และผลกระทบ แม้ว่าล่าสุดไตรมาส 1 ปี 2565 ที่ผ่านมากำไรของตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้น แต่การเติบโตดังกล่าวหากพิจารณาเป็นรายกลุ่มบริษัทแล้วจะพบว่ามี ”จำนวนบริษัทเพียง 214 บริษัท หรือประมาณ 40% ที่มีกำไรเติบโตมาตั้งแต่ปี 2017”  

 

🏆เป็นภาพที่ DAOL SEC อยากเรียกว่ากลุ่มบริษัทเหล่าคือ “กลุ่มผู้ชนะ” (WINNER) โดยที่กลุ่มบริษัทเหล่านี้ มีการเติบโตในลักษณะที่ต่างกัน แบ่งออกเป็น 1.) กลุ่มบริษัทที่เติบโตได้ โดยที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลยจากวิกฤตต่างๆที่เกิดขึ้น 2.) กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตแต่สามารถฟื้นตัวกลับได้ไว และ 3.) คือกลุ่มที่เติบโตได้เพราะได้ประโยชน์จากวิกฤต

 

🏆🏆แต่ยิ่งกว่านั้น DAOL SEC ได้พิจารณาหลังจากการรายงานกำไรตลาดไตรมาส 1 ปี 2565 ที่ผ่านมา พบว่าในจำนวน 214 บริษัทนั้น มี 23 บริษัทที่มีกำไรเติบโตต่อเนื่องไปอีกเมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และคาดว่าจะเติบโตได้ต่อปีหน้า ซึ่ง DAOL SEC เรียกหุ้นกลุ่มนี้ว่า “WINNER OF WINNER” มีดังต่อไปนี้  
👉KBANK, TTB, TISCO, KKP, DELTA, GULF 
👉KTC, AP, MTC, GLOBAL, THANI, DCC  
👉MEGA, ASK, WHART, SMPC, AIT, SNC 
👉SAPPE, SIS, FORTH, SABINA , SUSCO

 

📌อย่างไรก็ตามหุ้นที่เราวิเคราะห์และนำเสนอมาทั้งหมดนี้ แม้จะเป็นมุมมองที่ดี แต่สำหรับคำแนะนำการลงทุนนั้น อยากแนะนำว่าให้นักลงทุนพิจารณาข้อมูลในหุ้นเหล่านี้ให้อย่างดีอีกครั้งก่อนการตัดสินใจลงทุนเพื่อให้เหมาะกับสไตล์การลงทุนของแต่ละคนรวมทั้งภาวะตลาดที่มีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว