logo
search
flag-th
share-icon

การลดหย่อนภาษีในปี 2567: วางแผนซื้ออะไรดีให้คุ้มที่สุดตามฐานเงินเดือน

การลดหย่อนภาษีในปี 2567: วางแผนซื้ออะไรดีให้คุ้มที่สุดตามฐานเงินเดือน

การลดหย่อนภาษีเป็นหนึ่งในวิธีสำคัญที่ช่วยให้เราลดภาระภาษีและจัดการการเงินได้ดีขึ้น แต่การใช้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีให้คุ้มค่าจะต้องมีการวางแผนที่ดี โดยพิจารณาจากฐานรายได้ของเรา เพื่อเลือกการลงทุนหรือการใช้จ่ายที่เหมาะสมที่สุดกับภาระภาษีในแต่ละปี มาดูกันว่า หากคุณมีฐานเงินเดือนในระดับต่าง ๆ ควรเลือกใช้สิทธิประโยชน์แบบใดเพื่อให้ได้การลดหย่อนภาษีที่คุ้มที่สุด

 

  1. เงินเดือนต่ำกว่า 300,000 บาทต่อปี

หากคุณมีรายได้ไม่เกิน 300,000 บาทต่อปี (ประมาณ 25,000 บาทต่อเดือน) กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ได้รับการยกเว้นภาษีในส่วนแรกเนื่องจากรายได้สุทธิหลังหักค่าลดหย่อนส่วนตัวแล้วจะไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี อย่างไรก็ตาม คุณยังสามารถใช้สิทธิในการลดหย่อนเพิ่มเติมได้ เช่น:

  • ประกันสุขภาพ: แม้ว่าคุณจะไม่เสียภาษี แต่การซื้อประกันสุขภาพสำหรับตนเองหรือบิดามารดาสามารถช่วยคุ้มครองในอนาคตได้ และเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาสามารถลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาท
  • การบริจาค: คุณสามารถใช้สิทธิบริจาคเพื่อการกุศล ซึ่งลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของจำนวนที่บริจาค โดยไม่เกิน 10% ของรายได้

 

  1. เงินเดือน 300,000 - 600,000 บาทต่อปี

สำหรับผู้มีรายได้ในช่วง 300,000 - 600,000 บาทต่อปี (ประมาณ 25,000 - 50,000 บาทต่อเดือน) หลังหักค่าลดหย่อนส่วนตัวและค่าลดหย่อนอื่น ๆ คุณอาจเริ่มเสียภาษีที่อัตรา 5% ในกลุ่มนี้คุณอาจพิจารณาการลดหย่อนที่เน้นการลงทุนหรือการออมเงิน เช่น:

  • กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF): ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการออมเงินระยะยาว
  • ประกันชีวิต: การทำประกันชีวิตแบบทั่วไปที่มีอายุกรมธรรม์ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท

 

  1. เงินเดือน 600,000 - 1,200,000 บาทต่อปี

กลุ่มที่มีรายได้ในช่วง 600,000 - 1,200,000 บาทต่อปี (ประมาณ 50,000 - 100,000 บาทต่อเดือน) จะเสียภาษีในอัตรา 10-15% ควรเน้นการลงทุนที่สามารถลดหย่อนได้มากและมีความยืดหยุ่น เช่น:

  • กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF): คุณสามารถลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อรวมกับ SSF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, และเบี้ยประกันชีวิต) ซึ่งเป็นการออมเงินเพื่อการเกษียณ
  • ประกันชีวิตแบบบำนาญ: การซื้อประกันชีวิตแบบบำนาญที่สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200,000 บาท จะช่วยให้คุณมีเงินสำรองสำหรับวัยเกษียณ พร้อมกับได้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD): หากบริษัทของคุณมีนโยบายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คุณสามารถลดหย่อนได้ตามจริง

 

  1. เงินเดือนมากกว่า 1,200,000 บาทต่อปี

กลุ่มนี้เป็นผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 1,200,000 บาทต่อปี (ประมาณ 100,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป) ซึ่งเสียภาษีในอัตราสูงสุดถึง 20-25% คุณควรวางแผนลดหย่อนภาษีอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ที่มากที่สุด:

  • การลงทุนใน RMF และ SSF: เน้นการลงทุนในทั้ง RMF และ SSF เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดจากการลดหย่อนภาษีถึง 500,000 บาท
  • เบี้ยประกันชีวิตและประกันสุขภาพ: นอกจากการลดหย่อนภาษีในส่วนของประกันชีวิตและประกันสุขภาพ คุณยังสามารถใช้สิทธิประโยชน์จากประกันชีวิตแบบบำนาญเพื่อการเกษียณเพิ่มเติมได้

 

  1. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • มาตรการช้อปดีมีคืน: รัฐบาลอาจมีมาตรการส่งเสริมการใช้จ่ายในบางหมวดหมู่ เช่น การซื้อสินค้าเพื่อการศึกษา การใช้จ่ายในธุรกิจท้องถิ่น ซึ่งสามารถนำมาใช้ลดหย่อนได้
  • การท่องเที่ยวในประเทศ: หากมีการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวตามที่รัฐบาลกำหนด คุณอาจได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม

 

สรุป

การวางแผนลดหย่อนภาษีเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาตามฐานเงินเดือนของคุณ เพื่อให้คุณสามารถเลือกการลงทุนหรือการใช้จ่ายที่คุ้มค่าและเหมาะสมที่สุด ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกลุ่มรายได้ใด การวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยลดภาระภาษีและเพิ่มโอกาสในการเก็บออมเงินสำหรับอนาคตได้

 

00

 

01

 

02

03

04

 

05

กลับสู่ด้านบน

combo-icon
certified

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

DAOL Contact Center 0 2351 1800contactcenter@daol.co.th

DAOL Contact Center Address เลขที่ 87/2 อาคารซีอาร์ซีทาวเวอร์ ชั้นที่ 18 ออลซีซั่นส์เพลส ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

logo

and our member companies

บริษัทหลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรีท แมเนจเมนท์บริการสินเชื่อ

©2024 บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สงวนลิขสิทธิ์