เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” TTB และราคาเป้าหมายที่ 2.22 บาท อิง PBV 2025E ที่ 0.88x (-0.25SD below 10-yr average PBV) โดยเราประมาณการกำไรสุทธิ 1Q25E ที่ 5.4 พันล้านบาท (+1% YoY, +5% QoQ) จากการตั้งสำรองฯที่ลดลง (-17% YoY, -9% QoQ) คิดเป็น Credit cost ที่ 139bps ใกล้เคียงกับเป้าทั้งปีที่ให้ไว้ที่ 125-135bps ขณะที่มี NIM ที่อยู่ที่ 3.27% ลดลงจาก 1Q24 ที่ 3.32% แต่ทรงตัว QoQ ตามสินเชื่อที่คาดว่าจะลดลง -6.6% YoY และ -1% QoQ จากสินเชื่อรายย่อยและ SME แต่ยังมีสินเชื่อรถแลกเงินและบ้านแลกเงินยังเพิ่มขึ้นได้อยู่ ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 2.35 พันล้านบาท ลดลง -4% YoY และ -5% QoQ โดยลดลงจากค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อ และจาก Bancassurance และกองทุนรวมที่เป็นไปตามฤดูกาล ส่วน NPL คาดว่าจะอยู่ที่ 2.64% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนที่ 2.59% เพราะยังคงมีการขาย NPL และ Write-off NPL อย่างต่อเนื่อง
เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E อยู่ที่ 2.15 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น +2% YoY จากสำรองฯที่ลดลงเป็นหลัก ขณะที่เราคาดว่ากำไร 2Q25E จะเพิ่มขึ้น YoY ได้ต่อจากสำรองฯที่ลดลงและมีการใช้ Digital มากขึ้น
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น +6% และ +23% เมื่อเทียบกับ SET ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับ SET เพราะตลาดหุ้นที่เป็นขาลง ทำให้นักลงทุนหันมาหาหุ้นที่มี Dividend yield สูงๆ โดย TTB มี Dividend yield สูงราว 7% ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PBV ที่ 0.81x ที่ระดับเพียง -0.50SD และราคาหุ้นยังไม่สะท้อนกำไรรายไตรมาสที่ยืนเหนือ 5 พันล้านบาทได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการซื้อหุ้นคืนถึง 3 ปีจะช่วยหนุนราคาหุ้นได้ในระยะยาวและจะทำให้ ROE มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้อีก