เราคงคำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมาย 9.50 บาท อิง 2024E PER 23.5x (-0.5SD below 5-yr average PER) STEC รายงานกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 74 ล้านบาท (-77% YoY, -43% QoQ) ต่ำกว่า consensus คาดการณ์ที่ 121 ล้านบาท ขณะที่กำไรปกติ (ไม่รวมกำไรพิเศษจากการตีมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน) อยู่ที่ 50 ล้านบาท (-82% YoY, -61% QoQ) ผลการดำเนินงานที่ชะลอตัวสาเหตุหลักจาก 1) SG&A/Sale สูงขึ้นอย่างมากอยู่ที่ 3.6% จาก 4Q22 ที่ 2.3% และ 3Q23 ที่ 1.7% เนื่องจากค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานสูงกว่าที่ตั้งเผื่อไว้ และ 2) มีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมที่ -51 ล้านบาท หลังผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีเหลืองยังทรงตัวต่ำ ขณะที่ปัจจัยเหล่านี้ถูกชดเชยบางส่วนจาก GPM ดีขึ้น +60bps QoQ อยู่ที่ 5.1% อานิสงส์ project mix ดีขึ้น

เราคงกำไรปกติปี 2024E ใกล้เคียงเดิมที่ 611 ล้านบาท (+21% YoY) อย่างไรก็ตามเรามองว่าประมาณการอาจมี downside จากผลการดำเนินงานบริษัทร่วมมีโอกาสฟื้นช้ากว่าคาด สำหรับ 1Q24E เราประเมินกำไรปกติจะลดลง YoY จากการรับรู้ค่าใช้จ่ายซ่อมแซมโครงการบึงหนองบอนต่อเนื่อง และบริษัทร่วมขาดทุนมากขึ้น แต่กำไรจะฟื้นตัวสูง QoQ หนุนโดย SG&A อ่อนตัวลง

ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นและ outperform SET +14% ใน 3 เดือน จากข่าวความคืบหน้าการเปิดประมูลโครงการทางพิเศษฉลองรัช ช่วงจตุโชติ-ลำลูกกา และการกลับมาเล่นหุ้น laggard ทั้งนี้แม้เรามองว่าผลการดำเนินงาน 1Q24E จะฟื้นตัวมากขึ้น QoQ แต่เรายังแนะนำเพียง ‘ถือ” เนื่องจากประมาณการปี 2024E โดยรวมยังมีปัจจัยกดดันจากบริษัทร่วมอาจใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่าคาด ขณะที่โครงการสนามบินอู่ตะเภา มูลค่า 2.7 หมื่นล้านบาท ยังมีโอกาสสูงที่จะยืดเยื้อไปใน 2H24E