เราคงคำแนะนำ “ถือ” แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 2.30 บาท อิง 2023E PBV ที่ 1.4x (-1 SD below 5-yr average PBV) (เดิมราคาเป้าหมาย 3.70 บาท อิง 2023E PBV ที่ 2.1x) โดยเป็นผลจากการปรับกำไรสุทธิ และ de-rate PBV ลง เพื่อสะท้อนความเสี่ยงด้าน NPL และ credit cost ที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q23 ที่ 34 ล้านบาท (-58% YoY, -22% QoQ) ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 47 ล้านบาท โดยยังคงกดดันจาก 1) ขาดทุนรถยึดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเราประเมินว่ามีโอกาสที่จะยังปรับตัวขึ้น ตามมูลค่ารถยึดที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง, 2) NPL ที่สูงถึง 4.4% แม้ว่าบริษัทจะมีการตัดจำหน่ายหนี้สูญที่สูงแล้ว และทำให้ 3) credit cost สูงขึ้น และแตะที่ 6.8%

เราปรับกำไรสุทธิปี2023E ลง -37% เป็น 132 ล้านบาท (-58% YoY) และปี 2024E ลง -39% เป็น 192 ล้านบาท (+46% YoY) จากการปรับลด loan growth, เพิ่ม NPL และ credit cost ขึ้นเพื่อสะท้อนความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และค่าใช้จ่ายบริหารจัดการ NPL ที่สูงขึ้น ทั้งนี้ระยะสั้นเราประเมินผลการดำเนินงาน 3Q23E จะยังอ่อนแอ YoY แต่ทรงตัว QoQ จากการรับรู้ขาดทุนรถยึดสูงขึ้น, ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายสำรองที่จะยังทรงตัวสูง

ราคาหุ้น underperform SET -30% ในช่วง 3 และ 6 เดือนที่ผ่านมา จากผลการดำเนินงานที่จะยังไม่ดีขึ้น ทั้งนี้เราแนะนำ “ถือ” จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลง และสะท้อนความเสี่ยงต่างๆ ทั้ง NPL และ credit cost ที่เพิ่มขึ้นแล้ว รวมทั้งในระยะสั้นเราประเมินว่าบริษัทจะยังไม่มี catalyst ใหม่ที่จะมาช่วยหนุนผลการดำเนินงานให้กลับมาดีขึ้น ซึ่งเหมาะสมกับราคาหุ้นปัจจุบันที่เทรดที่ 2023E PBV 1.4x (-1SD)