เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 15.00 บาท (เดิม 20.00 บาท) โดยอิง PER ที่ 12.5x จากเดิม 15x สะท้อนแนวโน้มกำไรที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด เราคาดกำไรสุทธิ 2Q25E ที่ 54 ล้านบาท (-38% YoY, -3% QoQ) ต่ำกว่าคาดการณ์เดิม จาก 1) รายได้ลดลง -3% YoY จากจำนวนผู้รับบริการศัลยกรรมในประเทศที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ, 2) GPM ลดลงจากรายได้ศัลยกรรมบางประเภทที่มี margin สูง เช่น ยกคิ้วและดูดไขมัน ที่ชะลอตัวจากการแข่งขันที่รุนแรง และ utilization rate ที่ลดลง, 3) ค่าใช้จ่าย SG&A to sales เป็น 41.3% (2Q24 = 38.6%) จากการปรับรูปแบบโฆษณาตามเกณฑ์แพทยสภา และ 4) equity income ลดลงเป็น 6 ล้านบาท จาก 7 ล้านบาท โดยใน 2Q25E เริ่มรับรู้ PPA ของ S45 ราว 3 ล้านบาท ทั้งนี้ กำไรชะลอตัว QoQ จาก equity income ที่ปรับตัวลดลง และ SG&A to sales ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ คาดกำไรจะเร่งตัวขึ้นในช่วง 2H25E จาก CAC ที่ลดลง

เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E-26E ลง -13% และ -9% เพื่อสะท้อนเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าจากสถานการณ์ภาษีสหรัฐที่กระทบการอุปโภคบริโภคทั้งในไทยและต่างประเทศ เราประเมินกำไรสุทธิปี 2025E ที่ 357 ล้านบาท (-32% YoY) ชะลอตัวชั่วคราวจากผลกระทบของข้อจำกัดด้านการโฆษณาที่ส่งผลให้ CAC และ Selling expenses ปรับตัวเพิ่มขึ้น และปี 2026E ที่ 455 ล้านบาท (+28% YoY)

ราคาหุ้น underperform SET ที่ -29% ใน 3 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนกำไรปี 2025E ที่ชะลอตัวไปพอสมควรแล้ว ปัจจุบัน MASTER เทรดอยู่ที่ PER 11.1x