เราคงคำแนะนำ “ขาย” ที่ราคาเป้าหมายปี 2025E ที่ 140.00 บาท อิงวิธี SOTP SCC รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 1.73 หมื่นล้านบาท (+368% YoY, +1,478% QoQ) หากไม่รวมรายการพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว กำไรปกติจะอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท (-42% YoY, +97% QoQ) ต่ำกว่าเราและตลาดคาด 19%/17% ตามลำดับ โดยกำไรที่ลดลง YoY เป็นผลจากการรับรู้ค่าเสื่อมราคาของโครงการ Lon Son Petrochemical Complex (LSP) ที่สูงขึ้นและผลขาดทุนจากสต๊อก ขณะที่ดีขึ้น QoQ จากรายได้เงินปันผลที่สูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้ สำหรับภาพรวม 3Q25E แม้บริษัทมีแผนที่จะกลับมาดำเนินการโครงการ LSP ตอนสิ้นเดือน ส.ค.2025 แต่เราเชื่อว่ายังมีความเสี่ยงอยู่ตามแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ (olefins spread) ที่ยังคงผันผวน นอกจากนี้ บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการ 1H25 ที่ 2.5 บาทต่อหุ้น  สะท้อนอัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 1.2% โดยกำหนดวัน XD ที่ 13 ส.ค.2025

เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2025E/2026E ที่ 5.0/7.1 พันล้านบาท เทียบกับ 6.4 พันล้านบาทในปี 2024 โดยมีสมมติฐานสำคัญ คือ 1) ปริมาณขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะอยู่ในช่วง 2.6-2.7 ล้านตัน (mt) จาก 2.5 mt ในปี 2024 LSP  2) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของ SCG Packaging (SCGP) ที่ลดลงอยู่ในช่วง 16.4%-16.7% จาก 16.9% ในปี 2024 และ 3) รายได้เงินปันผลที่น้อยลง

ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น 32% และ outperform SET 39% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาสะท้อนภาพกำไรสุทธิ 2Q25 ที่แข็งแกร่งจากการรับรู้กำไรพิเศษ ทั้งนี้ แม้ว่าราคาปัจจุบันจะสะท้อน 2025E PBV ที่ไม่แพงที่ 0.70x (ประมาณ -1.4SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) ทั้งนี้ แม้กำไรปกติ 1H25 คิดเป็น 65% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเราและเราเห็นถึงความเสี่ยงขาขึ้น (upside risk) ที่เป็นไปได้ แต่เรายังคงประมาณการของเราไว้ก่อนและอาจทบทวนสมมติฐานของเราอีกครั้งหลังเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ ทั้งนี้ ในเบื้องต้นเรามองว่าบริษัทจะยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนของสงครามการค้าใน 2H25E ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยกดดัน olefins spread ให้ยังคงผันผวนสูง