เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 55.00 บาท (เดิม 65.00 บาท) อิง 2025E PBV ที่ 0.70x (ประมาณ -1.5SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) เราประเมินว่าบริษัทจะรายงานผลขาดทุน 3Q24E ที่ -3.7 พันล้านบาท เทียบกับกำไร 1.08 หมื่นล้านบาทใน 3Q23 และกำไร 5.5 พันล้านบาทใน 2Q24 หลักๆจากค่าการกลั่นตลาด (market GRM) ที่ยังคงอ่อนแอและการรับรู้ผลขาดทุนจากสต๊อก (stock loss net of NRV) ที่เป็นไปได้ ทั้งนี้ เราเชื่อว่าบริษัทจะสามารถกลับมารายงานกำไรสุทธิได้ใน 4Q24E จาก stock loss ที่ลดลง QoQ อย่างไรก็ดี เราเห็นความเสี่ยงที่สูงขึ้นของโครงการพลังงานสะอาด (CFP) ที่ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้างหน่วย upgrading และมีกำหนดการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2025E จากการที่บริษัทผู้รับเหมาช่วงของโครงการประสบปัญหาทางการเงิน

เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E/2025E ลง 49%/43% เป็น 9.7/11.6 พันล้านบาท หลักๆเพื่อสะท้อน 1) Market GRM ที่ลดลงอยู่ในช่วง USD4.8/bbl-USD5.6/bbl จากเดิม USD5.7/bbl-USD6.8/bbl ตามแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และราคาน้ำมันดิบ (crack spread) ของผลิตภัณฑ์หลักที่ลดลง 2) Stock loss (net of NRV) ที่อยู่ในช่วง -6.3 พันล้านบาทถึง -3.8 พันล้านบาท จากเดิม -3.5 พันล้านบาทถึง -510 ล้านบาท สอดคล้องกับ สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยที่ลดลงอยู่ในช่วง USD77.0/bbl-USD81.0/bbl เทียบกับ USD81.9/bbl ในปี 2023 และ 3) ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม (equity loss) ที่สูงขึ้นเป็น 473 ล้านบาทในปี 2024E จากเดิม -235 ล้านบาท จากภาพรวมธุรกิจของบริษัทร่วมในธุรกิจปิโตรเคมีที่อ่อนแอ