เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท อิง 2025E PER ที่ 13.5 เท่า (-1.25SD below 4-yr avg. PER โดยไม่รวมปี 2022 ที่กำไรต่ำกว่าปกติ) เราประเมินกำไร 3Q24E ที่ 67 ล้านบาท (+37% YoY, +3% QoQ) ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 จาก 1) รายได้จะดีขึ้นเป็น 470 ล้านบาท +12% YoY, +4% QoQ ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ flexible packaging แบบซองพร้อมจุกฝาเปิด-ปิด ซึ่ง SFLEX มีการเพิ่มเครื่องจักรทำจุกเพิ่มเป็น 10 เครื่องในช่วง 2Q-3Q24E จากเดิม 7 เครื่อง (รายได้ต่อซองสูงกว่าซองปกติ 30%), 2) GPM จะยังทรงตัวสูงราว 24.7% (3Q23 = 25.4%, 2Q24 = 24.7%) จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า และ 3) ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน SPV จะเพิ่มเป็น 7 ล้านบาท จาก 2Q24 ที่ 5 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วง high season

เรายังคงประมาณการกำไร 2024E/25E ที่ 258 ล้านบาท +40% YoY และ 291 ล้านบาท +13% YoY โดยกำไร 9M24E จะคิดเป็น 76% จากทั้งปี สำหรับกำไร 4Q24E จะยังดีขึ้น YoY โดดเด่น ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น และจะได้อานิสงส์จากการซื้อน้ำยาทำความสะอาดหลังน้ำท่วม GPM จะยังคงทรงตัวสูง และเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไร SPV เป็นปีแรก แต่จะลดลง QoQ จากค่าใช้จ่ายด้านพนักงานที่เพิ่มขึ้น ขณะที่กำไรปี 2025E จะดีขึ้นทั้งจากธุรกิจเดิม และเริ่มรับรู้กำไรจาก Star Union

ราคาหุ้น underperform SET -7%/-14 ในช่วง 1 และ 3 เดือน ซึ่งสวนทางกับกำไร 1Q-2Q24 ที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ ขณะที่ในช่วงต้นเดือน ต.ค.24 ผู้ถือหุ้นใหญ่ (นายปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์) ได้มีการขายหุ้นบางส่วนเพื่อนำเงินไปชำระคืนหนี้ส่วนตัวและถอนหุ้นที่วางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในบัญชีมาร์จิ้นออกมา ทำให้ช่วยคลายกังวลความเสี่ยงที่จะถูก Forced Sell ในอนาคต ทั้งนี้ เราแนะนำ “ซื้อ” โดยมี catalyst จากกำไร 3Q24E ที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง และปี 2025E จะยังเติบโตได้ดี ด้าน valuation น่าสนใจ เทรด 2024E PER ที่ 10.1 เท่า และ 2025E PER ที่ 8.9 เท่า คิดเป็น -2.0SD below 4-yr avg. PER และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม Packaging ที่ 16.0 เท่า