เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2023E ที่ 175.00 บาท อิงวิธี DCF (WACC 6.7%, TG 0%) และราคาน้ำมันดิบระยะยาวที่ USD65.0/bbl เรามีมุมมองเป็นกลางหลังเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ เพราะเป้าหมายสอดคล้องกับสมมติฐานใหม่ของเราที่เพิ่งปรับไป ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรของบริษัทจะชะลอตัวใน 2Q23E เนื่องจากแนวโน้มปริมาณยอดขายเฉลี่ยที่อ่อนตัว (หลักๆจากการหมดสัญญาสัมปทานของโครงการบงกชเดิม) และราคาเฉลี่ยก๊าซธรรมชาติ (gas ASP) ที่ลดลง อย่างไรก็ดี ผลกระทบเชิงลบนี้น่าจะถูกชดเชยบางส่วนด้วยต้นทุนต่อหน่วย (unit cost) ที่น่าจะทรงตัวต่ำตามแผนควบคุมต้นทุนของบริษัท สำหรับอัพเดตโครงการ G1/61 (เอราวัณ) บริษัทยังคงเป้าหมายที่จะผลิตให้ได้ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (mmscfd) ภายในช่วงกลางปีและ 800mmscfd ภายใน เม.ย.2024 นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดเผยว่าบริษัทอยู่ในระหว่างทบทวนร่างสัญญาสำหรับแหล่ง G1/65 และ G3/65 ซึ่งบริษัทเพิ่งชนะสิทธิ์สำรวจ คาดว่าจะเซ็นต์สัญญาภายใน 2Q23E

เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2023E/2024E ที่ 6.63/6.84 หมื่นล้านบาท เทียบกับ 7.09 หมื่นล้านบาทในปี 2022 โดยมีสมมติฐานที่สำคัญ คือ 1) ปริมาณยอดขายรวมจะอยู่ในช่วง 455-508 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน (kboed) เทียบกับ 468kboed ในปี 2022 2) ราคาขายเฉลี่ย (Blended ASP) จะอยู่ในช่วง USD44.8-USD48.5/boe ลดลงจาก USD53.4/boe ตามแนวโน้ม gas ASP และราคาน้ำมันดิบโลกที่ต่ำลง และ 3) unit cost จะอยู่ในช่วง USD27.2-USD28.2/boe เทียบกับ USD28.4/boe ในปี 2022

ราคาหุ้น underperform SET -13% ใน 6 เดือน สอดคล้องกับการปรับสู่ระดับปกติของราคาน้ำมันดิบ ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ 2023E PBV 1.19x (ประมาณค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) ทั้งนี้แม้เราคาดว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบเชิงลบจากแนวโน้มปริมาณยอดขายที่อ่อนตัวและ gas ASP ที่ต่ำลงใน 2Q23E เราเชื่อว่าบริษัทจะยังคงสามารถควบคุม unit cost ให้อยู่ในระดับต่ำได้