เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” TISCO และราคาเป้าหมายที่ 96.00 บาท อิง 2025E PBV ที่ 1.75x (+0.50SD above 10-yr average PBV) โดยเราประมาณการกำไรสุทธิ 1Q25E ที่ 1.61 พันล้านบาท (-7% YoY, -5% QoQ) จากการตั้งสำรองฯที่เพิ่มขึ้น +64% YoY และ +36% QoQ ตามความเสี่ยงของสินเชื่อผลตอบแทนสูงที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมี NIM ที่ลดลงมาอยู่ที่ 4.84% จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 4.90% เพราะ Loan yield ที่ลดลงจากโครงการคุณสู้เราช่วย รวมถึงมีการปล่อยสินเชื่อสมหวังลดลง ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น +4% YoY แต่ลดลง -8% QoQ เพราะไม่มีดีล IB และมี Bancassurance ลดลงตามยอดขายรถยนต์ ขณะที่กองทุนรวมยังเติบโตได้อยู่ ด้านสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น +0.5% YoY จากสินเชื่อรายใหญ่ โดยเฉพาะจากกลุ่ม Real Estate และโรงไฟฟ้าเป็นหลัก ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อยังคงหดตัวลงตามภาวะอุตสาหกรรม รวมถึงสินเชื่อรายย่อยในส่วนของจำนำทะเบียนเริ่มปรับตัวลดลงเพรากังวลหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ด้าน NPL เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.47% จากไตรมาสก่อนที่ 2.35% มาจากจำนำทะเบียนรถเป็นหลัก
เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E อยู่ที่ 6.8 พันล้านบาท ลดลง -1% YoY จากสำรองฯที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2Q24E มีโอกาสที่จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ จากสำรองฯที่จะเพิ่มขึ้นตามสินเชื่อผลตอบแทนสูงที่เพิ่มขึ้น
ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น +7% และ +17% ช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ SET เพราะตลาดหุ้นที่ผันผวนทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นปันผลมากขึ้น ขณะที่ TISCO ยังยืนยันที่จะจ่ายปันผลในระดับสูงอย่างต่อเนื่องแม้ว่าแนวโน้มกำไรจะลดลง ทั้งนี้เราคาดว่า TISCO จะยังคงเป็นหุ้นที่มี Dividend yield สูงถึงระดับราว 8% (จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง โดยจะ XD ช่วงเดือน ก.ย. และ เม.ย.)