เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 7.50 บาท อิง 2025E PER 25x (-0.8SD below 5-yr avg.) จากเดิม 9.50 บาท คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรใน 1Q25E จาก SSSG ที่เป็นบวกได้ประกอบกับ GPM ที่ขยายตัว โดยมองว่า 1) แนวโน้ม SSSG ใน 1Q25E QTD เห็น momentum เป็นบวกต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ม.ค. และเพิ่มขึ้นในเดือน ก.พ. แม้ในเดือนมี.ค. ลูกค้ากลุ่ม Back office จะอ่อนตัวลงไปอยู่ในระดับทรงตัว จากงานโครงการที่มีการเบิกจ่ายล่าช้า เรายังคงคาดเห็น 1Q25E SSSG เฉลี่ยรวมออกมาเป็นบวกได้ในระดับ low single digit ทำให้เราคาดรายได้โตได้ในกรอบ +4-6% 2) GPM ใน 1Q25E QTD อยู่ที่ 18% โดยยังมี House Brand Mix อยู่ที่ 19% (ระดับเดียวกับใน 1Q24) แม้สัดส่วนการขายของ Construction materials มากขึ้น โดย House brand GPM ปัจจุบันอยู่ที่ 35% (จากใน 4Q24 ที่ 34%) 3) สินค้ากลุ่มเหล็กมีสัดส่วนอยู่ที่ 30% มี GPM อยู่ที่ระดับ 9-11% จากการจัดการ inventory สินค้าเหล็กได้ดี อย่างไรก็ดีแม้ราคาเหล็กจะอ่อนตัวกว่าใน 1Q24 แต่ SSSG ของสินค้าเหล็กยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 4) ทำให้คาดกำไร 1Q25E อยู่ในกรอบ 240-260 ล้านบาท ขยายตัว QoQ และ YoY
คงประมาณการกำไรปี 2025E ที่ 871 ล้านบาท (+29% YoY) โดยมีปัจจัยหนุนจากการขยายสาขาขนาดใหญ่อีกครั้ง และคาดแนวโน้ม SSSG ใน 1Q25E ทรงตัวถึงเป็นบวกเล็กน้อย โดยกลุ่ม End-user มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และงานโครงการที่ยังเป็นตัวหนุนหลัก
ราคาหุ้นปรับตัวลง underperform SET จากความกังวลต่ออุตสาหกรรมที่ยังฟื้นตัวช้า และการเบิกจ่ายภาครัฐที่มีความเสี่ยง อย่างไรก็ตามเราคาดเห็นการเติบโตที่เด่นกว่ากลุ่มใน 2025E/26E จากการ rebound จากฐานต่ำในปี 2023/24 และแรงหนุนจากการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว เราแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท อิง 2025E PER 25x