เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” TISCO แต่ปรับราคาเป้าหมายปี 2025E ลงมาอยู่ที่ 94.00 อิง 2025E PBV เดิมที่ 1.75x (+0.50SD above 10-yr average PBV) จากเดิมที่ 96.00 บาท จากการปรับกำไรลดลง โดยเราประมาณการกำไรสุทธิ 2Q25E ที่ 1.58 พันล้านบาท (-10% YoY, -4% QoQ) จากการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น (+35% YoY, +40% QoQ) และมี NIM ลดลงอยู่ที่ 4.64% จากไตรมาสก่อนที่ 4.75% เพราะโครงการคุณสู้เราช่วย ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิลดลง (-6% YoY, -2% QoQ) เพราะธุรกิจหลักทรัพย์มีมูลค่าการซื้อขายหดตัว (-12% YoY, -11% QoQ) ด้านสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น (+0.3% YoY, +1.0% QoQ, +0.5% YTD) จากสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ ส่วน NPL เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.47% จากไตรมาสก่อนที่ 2.42% มาจากจำนำทะเบียนรถเป็นหลัก
เรามีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E-2026E ลงปีละ -6% โดยปรับการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและ NIM ลง ทำให้ได้กำไรสุทธิปี 2025E อยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท ลดลง -7% YoY จากสำรองฯที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 3Q25E มีโอกาสที่จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ ต่อจากสำรองฯที่จะเพิ่มขึ้นตามสินเชื่อผลตอบแทนสูงที่เพิ่มขึ้น
ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น +6% และ +4% ช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ SET เพราะตลาดหุ้นที่ผันผวนทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นปันผลมากขึ้น โดย TISCO ยังยืนยันที่จะจ่ายปันผลในระดับสูงอย่างต่อเนื่องแม้ว่าแนวโน้มกำไรจะลดลง ทั้งนี้เราคาดว่า TISCO จะยังคงเป็นหุ้นที่มี Dividend yield สูงถึงระดับราว 8% (จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง โดยจะ XD ช่วงเดือน ก.ย. และ เม.ย.)