เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมาย 21.00 บาท อิง DCF (WACC = 9.0%, TG = 2.5%) โดยเรายังมองเป็นบวกตามเดิมจาก group conf. call (11 มิ.ย.) ดังนี้ 1) SAV ประเมิน 2Q25E รายได้ (USD) จะโตระดับ +20% YoY แต่จะลดลงเล็กน้อย QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล โดยเดือน เม.ย.-พ.ค.25 จำนวนเที่ยวบินยังเติบโตดี +24% YoY โดย Overflight ยังเติบโตโดดเด่นสุด จาก เวียดนาม, จีน, มาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่เพิ่มขึ้นมาก, 2) เหตุปะทะที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา ยังไม่มีผลกระทบต่อเที่ยวบิน ยังคงมีการบินตามตารางบินปกติ ไม่มีเที่ยวบินยกเลิก, 3) กัมพูชาจะเลื่อนเปิดสนามบินแห่งชาติใหม่ "เตโช" เป็นเดือน ก.ย.25 จากเดิม ก.ค.25, 4) โครงการ FOD ของ AOT มูลค่า 1.28 พันล้านบาท คาดว่าจะมีการประมูลใน 3Q25E หากชนะการประมูลจะสามารถเริ่มงานได้ต้นปี 2026E
เรายังคงประมาณการกำไรปี 2025E ที่ 535 ล้านบาท +15% YoY (กำไร 1Q25 คิดเป็น 26% จากทั้งปี) ทำสถิติสูงสุดใหม่ จากจำนวนเที่ยวบินที่จะเพิ่มเป็น 1.18 แสนเที่ยวบิน +14% YoY และยังคงประเมินกำไรจะเติบโต YoY ได้ต่อเนื่องทุกไตรมาส สำหรับกำไร 2Q25E เบื้องต้นประเมินจะอยู่ที่ 128-135 ล้านบาท ดีขึ้นจาก 2Q24 ที่มีกำไร 116 ล้านบาท แต่ลดลงจาก 1Q25 ที่มีกำไร 142 ล้านบาท
ราคาหุ้น underperform SET -4%/-8% ในช่วง 1 และ 3 เดือน จากความกังวลผลกระทบสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา และปัจจัยสงครามการค้าจะกระทบการท่องเที่ยว ทั้งนี้ เรายังแนะนำ ซื้อ จากจำนวนเที่ยวบินที่ยังเติบโตได้ดี ผลกระทบจากปัจจัยข้างต้นยังไม่มาก แต่จะยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไป ด้านแนวโน้ม 2H25E จะได้ผลบวกจากการเปิดสนามบินแห่งชาติกัมพูชาใหม่ ค่าใช้จ่ายจะดีขึ้นจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่สนามบินพนมเปญใน 2H25E จะลดเหลือ -3 ล้านบาท จาก 1H25E จะอยู่ที่ -16 ล้านบาท ส่วนกำไรปี 2026E ยังมี upside จากโครงการ FOD ของ AOT รวมถึงโครงการซื้อหุ้นคืนจะช่วยจำกัดการปรับตัวลงของราคาหุ้น (วงเงิน 180 ล้านบาท ไม่เกิน 12.8 ล้านหุ้น)