บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จัดสัมมนา “DAOL SECURITIES FORUM 2025” ภายใต้หัวข้อ Reimagining the Future ทิศทางการลงทุนในยุคที่ AI ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

 

 

กลยุทธ์ลงทุนในกระแส AI & Digital Economy โดย บล. ดาโอ

 

ดร. ฉัตรพงศ์ วัฒนจิรัฏฐ์ รองกรรมการผู้จัดการ บล. ดาโอ ฉายภาพให้เห็นว่า เศรษฐกิจโลกกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่กำลังมีบาทบาทสำคัญและเป็นองค์ประกอบต่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)  โดยระบุว่า มูลค่าตลาดของ NVIDIA บริษัทผลิตชิปประมวลผลสำหรับ AI ทะยานขึ้นทะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์ฯ เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่า ต่อจากนี้ไป ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI) กำลังก้าวขึ้นมาเป็นกระแสหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก 

Generative AI อย่าง ChatGPT และ Gemini ไม่ได้ถูกใช้งานแค่เป็น ChatBot เท่านั้น แต่นำไปประยุกต์เข้ากับผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ สามารถสร้างภาพเคลื่อนไหว เสียง หรือแม้แต่แปลภาษาพูดแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ AI ในแขนง Computer Vision (การมองเห็น) และ Machine Learning (การเรียนรู้ข้อมูล) ถูกนำไปผนวกกับเทคโนโลยีด้าน Robotics (วิทยาการหุ่นยนต์) และ Energy Storage (การกักเก็บพลังงาน) สร้างออกมาเป็นยานพาหนะและหุ่นยนต์ที่ทำงานโดยอัตโนมัติ และในอนาคตอันใกล้ สิ่งที่น่าจับตามากคือการมาถึงของ AI Agent ซึ่งจะทำหน้าที่วางแผน ตัดสินใจ และลงมือทำได้แทนมนุษย์ และนำไปสู่มิติใหม่ของ “แรงงานดิจิทัล” ในภาคอุตสาหกรรม

PricewaterhouseCoopers คาดว่า AI จะผลักดัน GDP โลกเพิ่มขึ้น 15% ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ส่วน McKinsey & Company มองว่า AI จะผลักดัน GDP โลกเพิ่มขึ้นราว 2.6 ถึง 4.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ภาพรวมนี้สะท้อนว่า AI เปรียบเสมือน “ไฟฟ้าแห่งยุคใหม่” มีความสำคัญเทียบเท่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เคยเกิดขึ้นในอดีต 

ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำในด้าน AI Infrastructure ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบชิป ศูนย์ข้อมูล หรือการวิจัย AI ระดับโลก โดยมีบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและมหาวิทยาลัยชื่อดังเป็นรากฐาน กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนได้แก่ 

• Semiconductors เช่น NVIDIA, AMD, Intel, Broadcom, Micron เป็นต้น ซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีชิปประมวลผลและหน่วยความจำสำหรับ AI
• Data Center & Cloud Providers เช่น Amazon, Microsoft, Google, Meta, Equinix, Digital Realty รวมทั้งกลุ่มพลังงานสะอาดที่ตอบสนองความต้องการของศูนย์ข้อมูล
• Defense & Security ผลจากนโยบาย “America First” ของประธานาธิปดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้หลายชาติในกลุ่ม NATO ต้องเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเพื่อพึ่งพาตนเองในการป้องกันประเทศ รวมทั้งความต้องการอัพเกรดเทคโนโลยียุทโธปกรณ์
• Blockchain & Digital Finance ได้รับแรงหนุนระยะสั้นจากการผ่านกฎหมายสนับสนุนบล็อกเชนและ สเตเบิลคอยน์ของสหรัฐฯ และมีศักยภาพในระยะยาวให้ AI Agent ทำธุรกรรมอัตโนมัติ 

แม้จีนแม้จะยังตามหลังสหรัฐฯ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่ก็เร่งพัฒนาอย่างจริงจัง และมีการใช้นวัตกรรม AI ในชีวิตประจำวันมากมาย เช่น Robotaxi โดรนส่งอาหาร และคลังสินค้าอัตโนมัติ ส่วนประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกก็มีบทบาทสำคัญในแต่ละบริบท ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา AI เพื่อภาคการแพทย์ อุตสาหกรรม หรือความมั่นคง 

สุดท้าย เน้นย้ำว่าการลงทุนมีความเสี่ยง แต่ความรู้ความเข้าใจในภาพใหญ่จะช่วยให้กำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างมั่นใจ พร้อมทิ้งท้ายให้ความเชื่อมั่นว่า เรากำลังอยู่ในจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ที่ AI เป็นแกนกลางของนวัตกรรมเกือบทั้งหมดรอบตัวเรา และจะมีบทบาทอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลทั้งในปัจจุบันและอนาคต 

จากข้อหัวดังกล่าวจะเห็นว่าโอกาสลงทุนมีอยู่ทั่วโลก “DAOL SEC FORUM 2025” ในช่วงต่อมา ได้พานักลงทุนไปดูความน่าสนใจของตลาดหุ้นต่างประเทศบนกระแสเทคโนโลยีและ AI ที่กำลังเติบโตและสนับสนุนธุรกิจ ในงานนี้ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำ ได้นำเสนอว่ามีเทรนด์การลงทุนต่างประเทศอะไรบ้างที่กำลังโดดเด่นและเป็นจังหวะลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2568  

 

สร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในความมั่นคงและการป้องกันประเทศทั่วโลก​ โดย บลจ. ดาโอ

 

คุณวงศกร เหมพันธ์ ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดาโอ จำกัด แนะนำถึงโอกาสการลงทุนใน อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและความมั่นคง เนื่องจากปัจจุบันโลกกำลังเกิดสถานการณ์ที่ไม่สงบที่กระทบต่อความมั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ เช่น สงครามกับรัสเซียยูเครน การสู้รบในตะวันออกกลาง  

ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ดังกล่าวส่งผลให้หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ได้รับประโยชน์จากการที่รัฐบาลผลักดันงบประมาณกลาโหมเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งปี 2024 ที่ผ่านมางบประมาณด้านกลาโหมทั่วโลกสูงขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ โดยเพิ่มขึ้น 9.4% เป็นการเพิ่มขึ้นปีที่ 10 ติดต่อกัน สหรัฐอเมริกาใช้งบกลาโหมมากที่สุด รองลงมาคือประเทศจีน รวมถึงชาติสมาชิกนาโต้ที่ตกลงเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมใหม่ที่ระดับ 5% ของ GDP เพื่อรับมือความไม่แน่นอนในอนาคตโดยเฉพาะจากรัสเซีย  

แม้ว่าจะไม่มีสงครามเกิดขึ้นแต่แนวโน้มของการใช้งบประมาณในด้านกลาโหมก็เพิ่มขึ้นมากทุกปีในหลายประเทศ นั่นทำให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศได้รับประโยชน์จากสัญญาจ้างระยะยาวของรัฐบาล 

บลจ. ดาโอ  จึงแนะนำ กองทุนที่ชื่อว่า กองทุนเปิด ดาโอ ดีเฟนส์ (DAOL-DEFENSE) ที่ลงทุนในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยแนะนำให้ลงทุนไว้ส่วนของพอร์ตปกป้องพอร์ตลงทุนหลักในระยะ 6 เดือน ถึง 1 ปี หากเกิดสถานการณ์สงครามและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดสินทรัพย์ 

 

เจาะลึก 10 ผู้นำเทคโนโลยีจีน พลิกโอกาสการลงทุนแห่งอนาคต โดย บลจ. กรุงศรี 

ต่อกันที่ คุณเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์, CFA ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนทางเลือก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด พาไปดูความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนที่เป็นตัวท็อป  ด้วยการชี้ให้เห็นว่า นับตั้งแต่ปี 2023 ราคาหุ้นเทคโนโลยีของจีนปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับหุ้นสหรัฐฯ แต่ปัจจุบันรัฐบาลจีนได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนจากการจัดประชุมกับภาคธุรกิจของประเทศในช่วงที่ผ่านมา  

จากข้อมูลพบว่า การถือหุ้นจีนของนักลงทุนต่างชาติยังน้อย โดยสัดส่วนการถือครองหุ้นจีนในกองทุน Active fund ปรับตัวลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2020  ปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีนอยู่เพียง 6.4% แต่มองว่าแนวโน้มจากนี้จะมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีของจีนมากขึ้น ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนจากเรื่องภาษีการค้ากับสหรัฐฯ มองว่า จีนเตรียมมาตรการไว้เป็นระยะๆอยู่แล้วดังนั้นรัฐบาลจีนสามารถรับมือผลกระทบจากเรื่องภาษีกับสหรัฐฯได้  

ขณะเดียวกันการมาของ AI มีผลต่อบริษัทเทคโนโลยีมากขึ้น ในปี 2024 มีเงินลงทุนในอุตสาหกรรม AI ที่เพิ่มมากขึ้นและคาดว่าในปี 2030 การลงทุนก็จะเติบโตแบบก้าวกระโดด นั่นทำให้ Goldman Sachs คาดว่าการเติบโตของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีนจะเติบโตสูงขึ้นที่ระดับ 7.5-10% จากการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ  

ทางบลจ. กรุงศรี จึงนำเสนอ กองทุนเปิดกรุงศรี China Tech 10 Plus (KFCHINA-T10PLUS) ที่เน้นหุ้นเทคโนโลยีตัวท็อปของจีน 10 อันดับแรกของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ได้แก่ Xiaomi, SMIC, KUAISHOU, Tencent, Alibaba, MEITUAN, JD.COM, Li Auto, XPENG และ NETEASE  เป็นโอกาสลงทุนใหม่ในตลาดเทคโนโลยีโลก   

 

จากบล็อกเชนสู่โอกาสลงทุน: เข้าใจโลกดิจิทัล โดย บลจ. แอสเซท พลัส 

ทางด้าน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด พาผู้ลงทุนเข้าสู่โลกการเงินดิจิทัลและธุรกิจ Blockchain ซึ่งกำลังเป็นสินทรัพย์ที่ถูกให้ความสนใจอย่างมากในเวลานี้  คุณคมสัน ผลานุสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด บอกว่า วงการสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ คือ การที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (ก.ล.ต. สหรัฐฯ) ได้มีมติอนุมัติให้จัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETFs อย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 ม.ค. 2567 รวมถึงออกกฎเกณฑ์ผ่อนคลายมาตรการเกี่ยวกับ Blockchain มากขึ้น  ส่งผลให้นักลงทุนได้เข้าถึงการลงทุนใน Bitcoin ได้ง่ายขึ้นและทำให้ราคา Bitcoin ปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและทำสถิติราคาสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ (All Time High) ที่ระดับ121209.01 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 BTC  เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2568 

บลจ. แอสเซท พลัส มองว่า กระแสของ Bitcoin มีแนวโน้มจะได้รับความสนใจมากขึ้น โดย 4 ปัจจัยที่มีผลสนับสนุนการปรับตัวขึ้นของราคา Bitcoin ได้แก่  

1. ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีนโยบายสนับสนุนกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัลต่อเนื่องหลังจากชนะการเลือกตั้ง  
2. ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้หุ้นสหรัฐฯและ Bitcoin ปรับตัวขึ้น 
3. นักลงทุนสถาบันยังคงลงทุนใน Bitcoin อย่างต่อเนื่องหลังจาก ก.ล.ต.สหรัฐฯอนุมัติ Bitcoin sport ETF  
4. ราคา Bitcoin ยืนเหนือระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ 

ด้วยปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวจึงการคาดการณ์ว่ามูลค่าทางการตลาด (Market cap) ของ cryptocurrency อาจจะขยายตัวได้ถึง 3.47 เท่าจากระดับปัจจุบัน 

คุณคมสัน ยังชี้ให้เห็นว่า การมาของกระแส Bitcoin และเงินดิจิทัล ไม่สามารถถูกต้านได้อีกต่อไป ทาง บลจ.แอสเซท พลัส  ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการที่ไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลและ Bitcoin  จึงแนะนำ 2 กองทุนที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrency เพื่อเป็นโอกาสลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิด แอสเซทพลัส คริปโทเคอร์เรนซี อีทีเอฟ แทรคเกอร์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (ASP-CRYPTO-UI) ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล สกุลเงิน Bitcoin และสกลุเงิน Ether และอีกกองทุน คือ กองทุนเปิด แอสเซทพลัส ดิจิทัล บล็อกเชน (ASP-DIGIBLOC) ลงทุนในกลุ่มบริษัทเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล และเทคโนโลยี Blockchain  ถือเป็น 2 กองทุนที่เป็นโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลจาก บลจ.แอสเซท พลัส

 

Preserving Family Wealth & Legacy วางแผนความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน เพื่ออนาคตครอบครัวที่มั่นคง

ปิดท้าย “DAOL SECURITIES FORUM 2025” ด้วยการแนะนำบริการวางแผนความมั่งคั่งเพื่ออนาคตของครอบครัวที่มั่นคง เป็นบริการใหม่จาก บล. ดาโอ ที่ร่วมมือกับ บริษัท ควอนท์กรุ๊ป ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง “การทำธรรมนูญครอบครัว” เพื่อวางแผน จัดการ ส่งต่อธุรกิจครอบครัวให้ราบรื่น 

คุณณัฐพงศ์ ณ ระนอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เล่าจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า เนื่องจาก บล. ดาโอ มีบริการด้านการเงิน การลงทุน ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น การบริการความมั่งคั่ง การลงทุนในหุ้น อนุพันธ์ การลงทุนต่างประเทศ รวมถึงการลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล แต่ บล. ดาโอ มองว่า เรายังขาดธุรกิจการให้บริการที่ครอบคลุมไปถึงการจัดการธุรกิจเกี่ยวกับครอบครัว  จึงร่วมมือกับบริษัท ควอนท์กรุ๊ป เพื่อเพิ่มความแตกต่างให้กับธุรกิจของ บล. ดาโอ ในการเข้าไปช่วยวางแผนจัดการธุรกิจของครอบครัวและการเงินให้แก่ลูกค้านักลงทุนที่มีธุรกิจครอบครัว  

คุณพรเทพ ศรีสอ้าน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ควอนท์กรุ๊ป (1998) จำกัด ได้ชี้ให้เห็นภาพว่าครอบครัวที่มีธุรกิจกงสีโดยทั่วไปมีปัญหาอะไรบ้าง โดยเฉพาะเมื่อต้องส่งต่อผลประโยชน์จากรุ่นพ่อมาสู่รุ่นลูกจนถึงรุ่นหลาน  

โดยความเสี่ยงของธุรกิจครอบครัวในปัจจุบันส่วนใหญ่มักมาจากปัญหาภายในมากกว่าภายนอก นั่นคือการไม่มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนในการอยู่ร่วมกันของคนในครอบครัว การมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน รวมถึงความสัมพันธ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นการไม่มีการวางแผนที่ชัดเจนตรงนี้ มักจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวและทำให้ครอบครัวเกิดปัญหาความขัดแย้งกัน  

และเมื่อจำนวนสมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ้นในหลายรุ่น ความท้าทายต่อการอยู่รอดของธุรกิจภายในครอบครัวจึงมีความซับซ้อนมากขึ้น ขณะที่สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เรื่องเหล่านี้มีผลต่อการบริหารจัดการครอบครัว การเลือกผู้สืบทอด และการแก้ไขข้อขัดแย้ง 

ดังนั้น การมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยจัดการปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ จะเป็นเรื่องดีต่อธุรกิจของครอบครัว ซึ่งต้องมีการทำจัดทำ ธรรมนูญครอบครัว โดยทาง ควอนท์กรุ๊ป ก็จะเข้าไปศึกษาข้อมูล พูดคุยให้คำปรึกษา ทำความเข้าใจ และช่วยจัดการวางแผนให้ 

“ธรรมนูญครอบครัว คือ กระบวนการเจรจาร่วมกันของคนในแต่ละรุ่นแต่ละวัยในครอบครัวเพื่อให้เกิดความตกลงร่วมกันทั้งเรื่องธุรกิจและครอบครัวในอนาคต” 

ครอบครัวที่มีธุรกิจและทำธรรมนูญครอบครัวเอาไว้ มักจะไม่เกิดปัญหาและโดยมากจะพบว่าธุรกิจของครอบครัวจะมีผลประกอบการที่ดีกว่าครอบครัวที่มีธุรกิจแต่ไม่ได้จัดทำธรรมนูญครอบครัวไว้  

คุณณัฐพงศ์ บอกว่า การทำธรรมนูญครอบครัว เหมาะกับลูกค้าหรือนักลงทุนทั้งกลุ่ม High Net Worth และ Ultra High Net Worth  มีธุรกิจครอบครัวอยู่และมีการลงทุนอยู่ด้วย การทำธรรมนูญครอบครัวทำให้เกิดประโยชน์อย่างมาก เป็นการต่อยอดจากการลงทุน ที่ บล. ดาโอ เน้นการสร้างความมั่งคั่ง หรือ Wealth แต่บริการนี้ ประการแรก คือ ทำให้เกิดการจัดการสินทรัพย์ และการส่งต่อธุรกิจสู่คนรุ่นต่อไปของครอบครัว คือ From Wealth to legacy เป็นการปูทางมั่งคั่งให้รุ่นถัดไป ถือเป็นการเปลี่ยนมุมมองจากแค่สร้างทรัพย์สิน สู่การสร้างคุณค่าที่ตกทอดได้ไปยังรุ่นลูกหลาน เพื่อสร้างรากฐานให้คนรุ่นหลังมีอิสรภาพทางการเงิน ประการที่ 2  ทำให้เกิดการวางกฎระเบียบข้อปฎิบัติร่วมกันอย่างยั่งยืน ประการที่ 3 ทำให้สามารถจัดการความขัดแย้งต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และ ประการที่ 4 เป็นการส่งเสริมความร่วมมือและสร้างความกลมเกลียวกันในครอบครัว  

บล. ดาโอ เน้นย้ำว่า อยากให้เห็นถึงความสำคัญของการทำธรรมนูญครอบครัว เพื่อสร้างความยั่งยืนของธุรกิจและความสัมพันธ์ของสมาชิดในครอบครัวแต่ละรุ่นในยุคสมัยใหม่  สำหรับผู้สนใจเรื่องการจัดการธุรกิจครอบครัว สามารถติดต่อผู้แนะนำการลงทุนของ บล. ดาโอ ได้