เมื่อวันที่ 29 ส.ค.25 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 ให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลง เนื่องจากมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ส่งผลให้ต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งยังมีความไม่แน่นอน โดยปัจจุบันรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ 5 คน จาก 4 พรรคการเมือง ซึ่งจะมีการโหวตเลือกนายรัฐมนตรีช่วงวันที่ 3-5 ก.ย.

เราประเมินจะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนในระยะสั้น จากความไม่แน่นอนทางการเมือง ทั้งการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ และการยุบสภาในอนาคต ทำให้โครงการสำคัญของรัฐบาลหลายโครงการอาจได้รับผลกระทบ ดังนั้น เราจึง list หุ้น/Sector ที่มีความเสี่ยงและอาจได้รับผลกระทบ ได้แก่

( - ) Construction Services (CK, STECON) - การผลักดันโครการใหม่มีโอกาสล่าช้า อย่างไรก็ตาม backlog ปัจจุบันทรงตัวสูงช่วยลดความเสี่ยง

( - ) Ground Transport (BEM, BTS) - มาตรการค่าโดยสาร 20 บาทมีโอกาสล่าช้ากว่าแผน

( - ) AOT - การปรับเพิ่ม PSC อาจมีความไม่แน่นอน เนื่องจากต้องได้รับการอนุมัติจาก CAAT ซึ่งต้องรอความชัดเจนของรัฐบาล โดยประธาน CAAT จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

( - ) Bank (BBL, KTB) จะกระทบจากงบประมาณภาครัฐและโครงการลงทุนใหญ่มีความเสี่ยงที่จะล่าช้าออกไป ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของสินเชื่อและ GDP จะต่ำกว่าคาดได้

( - ) Tourism (ERW, CENTEL) จากความไม่แน่นอนทางการเมืองจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต่ำกว่าที่เราคาดได้ และโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวอาจจะถูกเลื่อนออกไปได้

( - ) Commerce (CPALL, CPAXT, CRC) ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวต่อเนื่อง และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ