ภาพรวมสถานการณ์ทางการเมืองยังมีความไม่แน่นอนสูง หลังจากมีคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง นายกฯ ไทย และ ฮุนเซน รวมถึงพรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ทำให้จำนวนเสียงของพรรครัฐบาลลดลงมาอยู่ที่ 261 เสียง และพรรคฝ่ายค้านอยู่ที่ 234 เสียง ขณะที่ยังต้องติดตามท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีมติให้หัวหน้าพรรคไปพูดคุยกับนายกฯ

 

เรามองเป็นลบต่อ Set Index จากความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเรายังมองเป็นกรณี base case นายกฯ จะยังบริหารงานต่อ ด้วยจำนวนเสียงพรรคร่วมรัฐบาลที่ลดลง ทำให้รัฐบาลบริหารต่อแบบไม่มั่นคง เพราะเสียงปริ่มน้ำ และมีความเสี่ยงที่โครงการที่รัฐบาลผลักดันมา อาจสะดุด

 

( - ) Construction Services (CK, STECON, SEAFCO) เบิกจ่ายงบประมาณและประมูลโครงการใหม่สะดุด

( - ) Ground Transport (BTS, BEM) นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทอาจล่าช้า และ BTS ได้ sentiment ลบจากโครงการ Entertainment Complex และอู่ตะเภาสะดุด (บริษัทเคยมีข่าวสนใจ Entertainment Complex)

( - ) Bank (BBL, KTB) จะกระทบจากงบประมาณภาครัฐและโครงการลงทุนใหญ่มีความเสี่ยงที่จะล่าช้าออกไป ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของสินเชื่อและ GDP จะต่ำกว่าคาดได้

( - ) Tourism (ERW, CENTEL) จากความไม่แน่นอนทางการเมืองจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต่ำกว่าที่เราคาดได้ และโครงการเที่ยวคนละครึ่งอาจจะถูกเลื่อนออกไปได้

( - ) ICT (ADVANC) โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าช้ากระทบ consumer spending ในประเทศ

( - ) Commerce (CRC, CPALL, HMPRO) จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการท่องเที่ยวลดลง กระทบ spending, (DOHOME, GLOBAL) จาก delay งานโครงการของรัฐและการอนุมัติงบ

( - ) SC, PR9, SIRI, ADVANC, STECON เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง

( - ) MENA โครงการก่อสร้างภาครัฐล่าช้ากระทบปริมาณงานในระบบ

 

( + ) หุ้น defensive stock, หุ้นที่มีปันผลสูง: BDMS, SCB, TRUE, AURA

( + ) หุ้น global play: PTTEP, TOP, SPRC